เมนู

ภิกษุใด เจริญศีล สมาธิ และปัญญา
ดูแล้ว ภิกษุนั้น ก้าวล่วงบ่วงแห่งมาร
ได้แล้ว ย่อมรุ่งเรื่อง ดุจพระอาทิตย์ฉะนั้น.

เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้า
ได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล.
จบมารเธยยสูตรที่ 10
จบวรรคที่ 1

อรรถกถามารเธยยสูตร


มารเธยยสูตรที่ 10 มีการเกิดขึ้นอย่างไร ? เล่ากันมาว่า วันหนึ่ง
พระบรมศาสดา มีบริษัทผู้เป็นพระเสกขะเป็นส่วนมากแวดล้อมแล้ว ประทับนั่ง
ตรวจดูอัธยาศัยของบริษัทเหล่านั้น เมื่อจะทรงชมเชยอเสขภูมิ จึงตรัสพระสูตร
นี้ไว้ เพื่อให้เกิดอุตสาหะในการบรรลุคุณพิเศษ ที่สูง ๆ ขึ้นไป.
บรรดาบทเหล่านั้น ในบทเป็นต้นว่า อติกฺกมฺม มีความสังเขป
ดังต่อไปนี้ (ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม 3) จะรุ่งโรจน์ ก้าวล่วง คือ ล่วงเลย
ได้แก่ครอบงำ ที่ตั้งแห่งมารคืออารมณ์ ได้แก่วิสัย คือฐานะเป็นที่ตั้งแห่ง
อิสริยะของมาร ดุจพระอาทิตย์. พระอาทิตย์ที่พ้นจากความมืดมัว มีเมฆ
เป็นต้น ประกอบด้วยคุณสมบัติ 3 ประการ คือ ฤทธิ์ อานุภาพ และเดช
ของตนพุ่งขึ้นสู่นภากาศ ไพโรจน์ สว่างไสว แผดแสง ข่ม ขับ ครอบงำ
กำจัดความมืด ที่อยู่ในอากาศทั้งหมด ฉันใด ภิกษุผู้เป็นพระขีณาสพ ก็ฉันนั้น
เหมือนกัน ประกอบด้วยคุณธรรม 3 ประการ พ้นจากอุปกิเลสทุกอย่าง