อรรถกถาชาคริยสูตร
ในชาคริยสูตรที่ 10 พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า ชาคโร ได้แก่ เป็นผู้มีความเพียรเป็นเครื่องตื่น คือ
ปราศจากความหลับ ประกอบความเพียร ขวนขวายในการมนสิการกรรมฐาน
ตลอดคืนและวัน. สมดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ภิกษุในศาสนานี้
ชำระจิตจากอาวรณียธรรม (ธรรมเครื่องกัน) ด้วยการนั่งจงกรมตลอดวัน
ชำระจิตจากอาวรณียธรรม ด้วยการนั่งจงกรมตลอดปฐมยามของราตรี สำเร็จ
สีหไสยาโดยข้างเบื้องขวาตลอดมัชฌิมยามของราตรี มีสติสัมปชัญญะด้วยการ
ทับเท้าด้วยเท้า มนสิการถึงอุฏฐานสัญญา (ความสำคัญในการลุกขึ้น) แล้ว
ชำระจิตจากอาวรณียธรรม ด้วยการลุกขึ้นนั่งจงกรมตลอดปัจฉิมยามแห่งราตรี
อย่างนี้ ภิกษุชื่อว่า เป็นผู้ประกอบความเพียร เป็นเครื่องตื่นอยู่ตลอดราตรีต้น
และราตรีปลาย.
จ ศัพท์เป็นสัมปิณฑนัตถะ (มีอรรถรวบรวม). เมื่อพูดตั้งร้อย
เป็นต้น ย่อมประมวลด้วย จ ศัพท์. บทว่า อสฺส แปลว่า พึงเป็น. อาจารย์
บางพวกกล่าวว่า ชาคโร จ ภิกฺขุ วิหเรยฺย ภิกษุพึงมีความเพียรอยู่.
บทว่า สโต ได้แก่ มีสติโดยไม่อยู่ปราศจากสติ ด้วยไม่ละกรรมฐานในที่
ทั้งปวง และโดยกาลทั้งปวง. บทว่า สนฺปชาโน ได้แก่ มีสัมปชัญญะด้วย
อำนาจแห่งสัมปชัญญะ 4 อย่าง อันเป็นไปในฐานะของสัตว์. บทว่า สมาหิโต
ได้แก่มีจิตตั้งมั่น คือมีจิตมีอารมณ์เป็นหนึ่ง ด้วยอุปจารสมาธิและอัปปนาสมาธิ.
บทว่า ปมุทิโต ได้แก่ เบิกบาน คือมากด้วยความปราโมทย์ เพราะเห็น
อานิสงส์แห่งการปฏิบัติ และเพราะเห็นการปรารภความเพียรไม่เป็นโมฆะ