ผู้อนุเคราะห์สัตว์ทั้งหมดด้วยมหากรุณา. บทว่า ปริยายวจนํ ได้แก่ การกล่าว
คือ การแสดงโดยปริยาย. บทว่า ปสฺส คือ ทรงร้องเรียกบริษัท. ท่านกล่าว
หมายถึง บริษัทผู้เป็นหัวหน้า. แต่อาจารย์บางพวกกล่าวว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า
ได้ตรัสว่า ปสฺส หมายถึงพระองค์เท่านั้น. บทว่า ตตฺถ ได้แก่ ในบาปนั้น.
บทว่า วิรชฺชถ ความว่า พวกเธอจงละความกำหนัด. บทที่เหลือมีนัยดัง
ได้กล่าวแล้วนั่นแล.
จบอรรถกถาเทศนาสูตรที่ 2
3. วิชชาสูตร
ว่าด้วยวิชชาเป็นหัวหน้าแห่งกุศลธรรม
[211] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว พระสูตรนี้
พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับ
มาแล้วว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อวิชชาเป็นหัวหน้าแห่งอกุศลธรรม อหิริกะ
อโนตตัปปะเป็นไปตาม ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ส่วนวิชชาแลเป็นหัวหน้าแห่งการ
ถึงพร้อมแห่งกุศลธรรม หิริและโอตตัปปะเป็นไปตาม.
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มี-
พระภาคเจ้าตรัสคาถาประพันธ์ดังนี้ว่า
ทุคติอย่างใดอย่างหนึ่ง ในโลกนี้
และในโลกหน้า ทั้งหมดมีอวิชชาเป็นมูล
อันความปรารถนาและความโลภก่อขึ้น ก็
เพราะเหตุที่บุคคลเป็นผู้มีความปรารถนา
ลามก ไม่มีหิริ ไม่เอื้อเฟื้อ ฉะนั้น จึงย่อม
ประสบบาป ต้องไปสู่อบาย เพราะบาปนั้น
เพราะเหตุนั้น ภิกษุสำรอกฉันทะ โลภะ
และอวิชชาได้ ให้วิชชาบังเกิดขึ้นอยู่ พึง
ทุคติทั้งปวงเสียได้.
เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้า
ได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล.
จบวิชชาสูตรที่ 3
อรรถกถาวิชชาสูตร
ในวิชชาสูตรที่ 3 พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า ปุพฺพงฺคมา ได้แก่ เป็นหัวหน้าโดยอาการ 2 อย่าง คือ
โดยสหชาตปัจจัยและอุปนิสสยปัจจัย. หรือเป็นประธานแห่งอกุศลธรรมเบื้อง-
หน้า. จริงอยู่ การเกิดขึ้นแห่งอกุศล เว้นจากอวิชชาเสียแล้วย่อมมีไม่ได้.
บทว่า สมาปตฺติยา ได้แก่ ความเป็นไปเพื่อได้ความจริงอันถึงเฉพาะหน้า.
ความเป็นอุปนิสสยปัจจัยแห่งอกุศลธรรมทั้งหลาย โดยความเป็นปัจจัยแห่ง
อโยนิโสมนสิการด้วยการปกปิดโทษแห่งความเป็นไปของอกุศล และโดยความ
ที่ยังละไม่ได้ ย่อมปรากฏในความนั้น.
คติแม้ทั้งหมด ชื่อว่า ทุคติในคาถานี้ เพราะเป็นที่ตั้งแห่งทุกข์มีพยาธิ
และมรณะเป็นต้น ด้วยประการฉะนี้. อีกอย่างหนึ่ง กายทุจริต วจีทุจริต
และมโนทุจริต ชื่อว่า ทุคติ เพราะคติที่ถูกกิเลสมีราคะเป็นต้นประทุษร้าย