เมนู

อรรถกถาปฐมสีลสูตร


ในปฐมสีลสูตรที่ 5 พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า ปาปเกน สีเลน ความว่า อาจารย์ทั้งหลายกล่าวว่า ความไม่สำรวม
อันทำให้ศีลขาด ชื่อว่า ศีลลามก. ในบทนั้น ผิว่า ความไม่สำรวมเป็นศีล
เหมือนกันไซร้ เพราะความเป็นผู้ทุศีล ศีลนั้น จะเรียกว่า ศีลอย่างไร.
ในบทนั้นมีอธิบายดังต่อไปนี้. ท่านกล่าวสิ่งที่ไม่เห็นในโลกว่าเห็น หรือผู้
ไม่มีศีลว่า เป็นผู้มีศีลดังนี้ฉันใด แม้ในข้อนี้ท่านก็เรียกไม่มีศีลก็ดี ไม่สำรวม
ก็ดี ว่า ศีลฉันนั้น.
อีกอย่างหนึ่ง เรียกชื่อว่าศีลมีอยู่แม้ในอกุศลธรรมทั้งหลาย เพราะ
บาลีว่า ดูก่อนคฤหบดี ก็ศีลเป็นอกุศล กายกรรมเป็นอกุศล วจีกรรมเป็นอกุศล
อาชีวะเป็นอกุศล เป็นไฉนดังนี้ เพราะฉะนั้น ความประพฤติชอบทั้งหมดเป็น
ปกติ เหมือนสำเร็จตามสภาพ ด้วยความคุ้นเคย ท่านก็เรียกว่าศีล. บทว่า
ปาปเกน สีเลน พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสหมายถึงอกุศลอันลามก เพราะ
อรรถว่าไม่เป็นความฉลาดเลย. บทว่า ปาปิกาย ทิฏฺฐิยา ได้แก่ มิจฉา-
ทิฏฐิทั้งหมดอันลามก. แต่โดยความพิเศษ ทิฏฐิ 3 อย่างเหล่านี้ คือ อเหตุกทิฏฐิ
(ความเห็นว่าหาเหตุมิได้) 1 อกิริยทิฏฐิ (ความเห็นว่าไม่เป็นอันทำ) 1
นัตถิกทิฏฐิ (ความเห็นว่าไม่มี) 1 ลามกกว่า. ในบทนั้น บุคคลผู้ประกอบด้วย
ศีลอันลามกเป็นผู้วิบัติด้วยปโยคะ (ความขวนขวายชอบ) บุคคลผู้ประกอบ
ทิฏฐิอันลามก เป็นผู้วิบัติด้วยอาสยะ (อัธยาศัย) บุคคลผู้วิบัติด้วยปโยคะและ
อาสยะเป็นผู้ตกนรกโดยแท้. สมดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลายบุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม 2 ประการนี้แล อันกรรมของตนซัดไป
ในนรกเหมือนถูกนำมาทิ้งลงฉะนั้น.