‘‘ปุน จปรํ, อุปาลิ, ภิกฺขุ ธมฺมํ อธมฺโมติ ทีเปติ…เป.… ทุฏฺฐุลฺลํ อาปตฺติํ อทุฏฺฐุลฺลา อาปตฺตีติ ทีเปติฯ ตสฺมิํ ธมฺมทิฏฺฐิ, เภเท ธมฺมทิฏฺฐิ, อวินิธาย ทิฏฺฐิํ, อวินิธาย ขนฺติํ, อวินิธาย รุจิํ, อวินิธาย ภาวํ, อนุสฺสาเวติ, สลากํ คาเหติ – ‘อยํ ธมฺโม, อยํ วินโย, อิทํ สตฺถุสาสนํ, อิมํ คณฺหถ, อิมํ โรเจถา’ติฯ อยมฺปิ โข , อุปาลิ, สงฺฆเภทโก น อาปายิโก, น เนรยิโก, น กปฺปฏฺโฐ, น อเตกิจฺโฉ’’ติฯ
ตติยภาณวาโร นิฏฺฐิโตฯ
สงฺฆเภทกกฺขนฺธโก สตฺตโมฯ
ตสฺสุทฺทานํ –
อนุปิเย อภิญฺญาตา, สุขุมาโล น อิจฺฉติ;
กสา วปา อภิ นินฺเน, นิทฺธา ลาเว จ อุพฺพเหฯ
ปุญฺชมทฺทปลาลญฺจ, ภุสโอผุณนีหเร;
อายติมฺปิ น ขียนฺติ, ปิตโร จ ปิตามหาฯ
ภทฺทิโย อนุรุทฺโธ จ, อานนฺโท ภคุ กิมิโล;
สกฺยมาโน จ โกสมฺพิํ, ปริหายิ กกุเธน จฯ
ปกาเสสิ ปิตุโน จ, ปุริเส สิลํ นาฬาคิริํ;
ติกปญฺจครุโก โข, ภินฺทิ ถุลฺลจฺจเยน จ;
ตโย อฏฺฐ ปุน ตีณิ, ราชิ เภทา สิยา นุ โขติฯ
สงฺฆเภทกกฺขนฺธกํ นิฏฺฐิตํฯ