เมนู

มีการตวาดว่า หึ หึ ดุจน้ำฝาดเป็นต้น. เพราะเป็นทิฏฐิมังคลิกะ ยัง
ปฏิญญาตนว่าเป็นพราหมณ์ โดยเพียงชาติอย่างเดียว ก็หาไม่ บุคคลนั้น
ชื่อว่าเป็นพราหมณ์ เพราะลอยบาปธรรมได้ ชื่อว่าปราศจากกิเลสที่ขู่
ผู้อื่นว่า หึ หึ เพราะละกิเลสที่ขู่ผู้อื่นว่า หึ หึ ได้ ชื่อว่าไม่มีกิเลสดุจน้ำ
ฝาด เพราะไม่มีกิเลสดุจน้ำฝาด มีราคะเป็นต้น ชื่อว่ามีความเพียรเป็น
สภาวะ เพราะมีจิตประกอบด้วยภาวนานุโยค หรือชื่อว่าสำรวมตนแล้ว
เพราะมีจิตสำรวมแล้วด้วยศีลสังวร ชื่อว่าผู้ถึงที่สุดแห่งเวท เพราะถึงที่สุด
คือพระนิพพานซึ่งเป็นสุดสิ้นสังขาร หรือที่สุดแห่งเวท ด้วยเวททั้งหลาย
กล่าวคือมรรคญาณ 4. ชื่อว่าอยู่จบพรหมจรรย์แล้ว เพราะอยู่จบมรรค-
พรหมจรรย์. บุคคลผู้กล่าววาทะเป็นพราหมณ์โดยธรรม คือกล่าววาทะว่า
เป็นพราหมณ์โดยธรรม คือโดยชอบธรรมนั้น (เขา) ไม่มีกิเลสเครื่องฟู
ขึ้นเหล่านี้ ได้แก่กิเลสเครื่องฟูขึ้น คือราคะ โทสะ โมหะ มานะ และทิฏฐิ
ในที่ไหนๆ คือแม้ในอารมณ์เดียว ในโลกสันนิวาสทั้งสิ้น อธิบายว่า
ละได้โดยสิ้นเชิง.
จบอรรถกถาอชปาลนิโครธสูตรที่ 4

5. เถรสูตร



ว่าด้วยพระเถระผู้ใหญ่เข้าเฝ้า



[42] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้กรุงสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล ท่านพระ-

สารีบุตร ท่านพระมหาโมคัลลานะ ท่านพระมหากัสสปะ ท่านพระ-
มหากัจจานะ ท่านพระมหาโกฏฐิตะ ท่านพระมหากัปปินะ ท่านพระ-
มหาจุนทะ ท่านพระอนุรุทธะ ท่านพระเรวตะและท่านพระนันทะ เข้า
ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทอดพระ-
เนตรเห็นท่านเหล่านั้นกำลังมาแต่ไกล ครั้นแล้วตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พราหมณ์เหล่านั้นกำลังมา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
พราหมณ์เหล่านั้นกำลังมา เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอยู่อย่างนี้แล้ว
ภิกษุผู้มีชาติเป็นพราหมณ์รูปหนึ่ง ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ บุคคลชื่อว่าเป็นพราหมณ์เพราะเหตุเพียงเท่าไรหนอแล
และธรรมที่ทำบุคคลให้เป็นพราหมณ์เป็นไฉน.
ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว จึงทรง
เปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า
ชนเหล่าใดลอยบาปทั้งหลายได้แล้ว มีสติอยู่ทุก
เมื่อ มีสังโยชน์สิ้นแล้ว ตรัสรู้แล้ว ชนเหล่านั้นแล
ชื่อว่าเป็นพราหมณ์ในโลก.

จบเถรสูตรที่ 5

อรรถกถาเถระสูตร



เถรสูตรที่ 5 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า สาวตฺถิยํ คือใกล้นครชื่ออย่างนี้. จริงอยู่ นครนั้นท่านเรียกว่า
สาวัตถี เพราะสร้างในที่อยู่อาศัยของฤาษีชื่อสวัตถะ เหมือนเมือง กากนฺทิ
เรียกว่า มากนฺที นักคิดอักษรรู้อย่างนี้เป็นอันดับแรก. ส่วนพระอรรถ-