เมนู

ดับสนิทด้วยการดับหาปฏิสนธิมิได้. แต่กุศลเวทนาและอกุศลเวทนา ถึง
ความดับสนิทในขณะแห่งอรหัตผลทีเดียว. อาจารย์บางพวกกล่าวว่า
สีติรหึสุ เว้นจากความเย็น ดังนี้ก็มี, อธิบายว่า ได้เป็นธรรมชาติสงบ
ดับไป. บทว่า วูปสมึสุ สงฺขารา ความว่า ธรรมคือสังขารขันธ์ มี
ผัสสะเป็นต้นแม้ทั้งหมด ต่างโดยวิบากและกิริยา สงบแล้วโดยพิเศษ
ทีเดียว เพราะดับสนิทด้วยการดับสนิทโดยหาปฏิสนธิมิได้นั่นเอง. บทว่า
วิญฺญาณํ อตฺถมาคมา ความว่า แม้วิญญาณทั้งหมดต่างโดยวิบากและ
กิริยา ได้ถึงการตั้งอยู่ไม่ได้ คือ ความพินาศ ได้แก่ ความขาดสูญ
เพราะดับสนิทโดยหาปฏิสนธิมิได้นั่นแล.
ดังนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเปล่งอุทาน อันเปล่งออกด้วย
กำลังแห่งปีติ เพราะอาศัยความที่ขันธ์ทั้ง 5 ของท่านพระทัพพมัลลบุตร
ดับสนิท ด้วยการดับหาปฏิสนธิมิได้ เหมือนไฟที่หมดเชื้อฉะนั้น เพราะ
ดับอุปาทานคือกิเลสและอภิสังขารในกาลก่อน ได้โดยสิ้นเชิงแล.
จบอรรถกถาปฐมทัพพสูตรที่ 9

10. ทุติยทัพพสูตร



ว่าด้วยปรินิพพานบนอากาศเถ้าถ่านไม่ปรากฏ



[178] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อาราม
ของอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้า ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้น

ทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย เมื่อพระทัพพมัลลบุตรเหาะขึ้นไปสู่เวหาส นั่งขัดสมาธิเข้า
สมาบัติมีเตโชธาตุเป็นอารมณ์อยู่ในอากาศกลางหาว ออกจากสมาบัติแล้ว
ปรินิพพาน เมื่อสรีระถูกไฟเผาไหม้อยู่ เถ้าไม่ปรากฏ เขม่าก็ไม่ปรากฏ
เหมือนเนยใสหรือน้ำมันถูกไฟเผาไหม้อยู่ เถ้าไม่ปรากฏเลย เขม่าก็ไม่มี
ปรากฏฉะนั้น.
ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว จึง
ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า
คติของพระขีณาสพทั้งหลาย ผู้หลุดพ้นแล้ว
โดยชอบ ข้ามเครื่องผูกคือกามโอฆะได้แล้ว ถึงแล้ว
ซึ่งความสุขอันหาความหวั่นไหวมิได้ ไม่มีเพื่อจะ
บัญญัติ เหมือนคติแห่งไฟลุกโพลงอยู่ที่ภาชนะ
สำริดเป็นต้น อันนายช่างเหล็กตีด้วยค้อนเหล็ก ดับ
สนิท ย่อมรู้ไม่ได้ฉะนั้น.

จบทุติยทัพพสูตรที่ 10

จบปาฏลิคามิยวรรคที่ 8

อรรถกถาทุติยทัพพสูตร



ทุติยทัพพสูตรที่ 10 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ ความว่า พระผู้มี-
พระภาคเจ้า ครั้นประทับอยู่ตามพอพระทัยในกรุงราชคฤห์ เมื่อจะเสด็จ