เมนู

เท่านั้น แต่พระองค์และภิกษุสงฆ์ ข้ามห้วงน้ำคือสงสาร ทั้งลึกทั้งกว้าง
ยิ่งนักได้แล้ว จึงทรงเปล่งอุทานนี้ อันแสดงถึงความนั้น.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อณฺณวํ นี้ เป็นชื่อของน้ำ ที่ลึกและ
กว้างประมาณ 1 โยชน์ โดยกำหนดอย่างต่ำ. บทว่า สรํ ท่านประสงค์
ถึงน้ำในที่นี้ เพราะไหลไป. ท่านกล่าวคำอธิบายไว้ว่า เหล่าชนผู้ข้าม
ห้วงน้ำคือสงสาร และแม่น้ำคือตัณหาทั้งลึกทั้งกว้าง สร้างสะพานคือ
อริยมรรค ไม่แตะต้อง คือไม่จับต้อง เปือกตม คือที่ลุ่มอันเต็มเปี่ยม
ด้วยน้ำ ฝ่ายชนนี้ประสงค์จะข้ามน้ำ มีประมาณน้อยนี้ จึงผูกแพ คือถึง
ความยากยิ่งเพื่อจะผูกแพ. บทว่า ติณฺณา เมธาวิโน ชนา ความว่า
พระพุทธเจ้า และพุทธสาวก ชื่อว่าผู้มีเมธา เพราะประกอบด้วยเมธา
กล่าวคืออริยมรรคญาณ ถึงจะเว้นแพเสีย ก็ข้ามได้คือดำรงอยู่ที่ฝั่งโน้นแล.
จบอรรถกถาปาฏลิคามิยสูตรที่ 6

7. ทวิธาปถสูตร



ว่าด้วยการชี้ไปคนละทาง



[175] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จดำเนินทางไกลไปในโกศลชนบท
มีท่านพระนาคสมาละเป็นปัจฉาสมณะ ท่านพระนาคสมาละได้เห็นทาง 2
แพร่งในระหว่างทาง ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่
พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ นี้ทาง ไปตามทางนี้เถิดพระเจ้าข้า เมื่อท่าน
พระนาคสมาละกราบทูลอย่างนี้แล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสกะท่าน
พระนาคสมาละว่า ดูก่อนนาคสมาละ นี้ทาง ไปตามทางนี้เถิด แม้ครั้งที่