เมนู

มีปัสสัทธิ ก็ย่อมไม่มีความยินดี เมื่อไม่มีความยินดี
ก็ย่อมไม่มีการมาการไป เมื่อไม่มีการมาการไป ก็
ไม่มีการจุติและอุปบัติ เมื่อไม่มีการจุติและอุปบัติ
โลกนี้โลกหน้าก็ไม่มี ระหว่างโลกทั้งสองก็ไม่มี นี้แล
เป็นที่สุดแห่งทุกข์.

จบจตุตถนิพพานสูตรที่ 4

อรรถกถาจตุตถนิพพานสูตร



จตุตถนิพพานสูตรที่ 4

มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ความว่า ได้ยินว่า ใน
กาลนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อทรงแสดงพระธรรมเทศนา อันเกี่ยว
ด้วยพระนิพพาน โดยแสดงการเทียบเคียงเป็นต้น โดยอเนกปริยายแล้ว
ภิกษุเหล่านั้น ได้มีความคิดอย่างนี้ว่า อันดับแรก พระผู้มีพระภาคเจ้า
เมื่อจะทรงแสดงอานิสงส์ ซึ่งมีขันธ์มีอาการเป็นอเนกแห่งอมตมหา-
นิพพานธาตุ จึงทรงประกาศอานุภาพนี้ อันไม่ทั่วไป แก่ผู้อื่น. แต่ไม่
ตรัสอุบายเครื่องบรรลุอมตมหานิพพานธาตุนั้น พวกเรา เมื่อปฏิบัติอยู่
จะพึงบรรลุอมตมหานิพพานนี้อย่างไรหนอ. ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาค-
เจ้าทรงทราบโดยอาการทั้งปวง ซึ่งอรรถกล่าวคือภาวะที่ภิกษุเหล่านั้นมี
ความปริวิตก ตามที่กล่าวแล้วนี้. บทว่า อิมํ อุทานํ ความว่า พระองค์
ทรงเปล่งอุทานนี้ อันประกาศถึงการบรรลุพระนิพพาน ด้วยการละตัณหา
ได้เด็ดขาดด้วยอริยมรรค ของบุคคลผู้เจริญวิปัสสนาอันดำเนินไปตาม
วิถีจิต ผู้มีกายและจิตสงบระงับ ผู้ไม่อิงอาศัยในอารมณ์ไหน ๆ ด้วย
อำนาจตัณหา.