เมนู

ออกซึ่งธรรมชาติที่เกิดแล้ว เป็นแล้ว อันปัจจัย
กระทำแล้ว ปรุงแต่งแล้ว จะไม่พึงปรากฏในโลกนี้
เลย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะธรรมชาติอันไม่
เกิดแล้ว ไม่เป็นแล้ว อันปัจจัยกระทำไม่ได้แล้ว
ปรุงแต่งไม่ได้แล้ว มีอยู่ ฉะนั้น การสลัดออกซึ่ง
ธรรมชาติที่เกิดแล้ว เป็นแล้ว อันปัจจัยกระทำแล้ว
ปรุงแต่แล้วจึงปรากฏ.

จบตติยนิพพานสูตรที่ 3

อรรถกถาตติยนิพพานสูตร



ตติยนิพพานสูตรที่ 3

มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ความว่า ได้ยินว่า ในกาล
นั้น เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงประกาศโทษในสงสารโดยเอนกปริยาย
แล้ว ทรงแสดงพระธรรมเทศนา อันเกี่ยวด้วยพระนิพพาน โดยการ
แสดงเทียบเคียงเป็นต้นแล้ว ภิกษุเหล่านั้นได้มีความคิดดังนี้ว่า พระผู้มี-
พระภาคเจ้า ทรงประกาศสงสารนี้ พร้อมด้วยเหตุ มีอวิชชาเป็นต้น
อันชื่อว่า สเหตุกะ แต่ไม่ตรัสถึงเหตุอะไร ๆ แห่งพระนิพพานซึ่งเป็น
เหตุสงบสงสารนั้น พระนิพพานนี้นั้นจัดเป็นอเหตุกะ อเหตุกะนั้นจะ
เกิดได้ เพราะอรรถว่า มีการกระทำให้แจ้ง และมีอรรถเป็นอย่างไร.
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบอรรถนี้ ตามที่กล่าวแล้ว ของภิกษุ
เหล่านั้น. บทว่า อิมํ อุทานํ ความว่า พระองค์ทรงเปล่งอุทานนี้ อัน
เป็นเหตุ ประกาศอมตมหานิพพาน อันมีอยู่โดยปรมัตถ์ เพื่อกำจัดความ
สงสัยของภิกษุเหล่านั้น และเพื่อหักรานมิจฉาวาทะ ของสมณพราหมณ์
ในโลกนี้ ผู้ปฏิบัติผิด ผู้มีทิฏฐิคติหนาแน่น ในภายนอกทีเดียว เหมือน
บุคคลผู้ยึดโลกเป็นใหญ่ว่า คำว่า นิพพาน นิพพาน เป็นเพียงแต่เรื่อง