เมนู

พรรณนามาฉะนี้ เมื่อวิปัสสนาญาณ มีอุทยัพพยญาณเป็นต้น เกิดขึ้นโดย
ลำดับ ชื่อว่าผู้มีธรรมเป็นเครื่องอยู่โดยลำดับ โดยอนุปุพพวิปัสสนา-
วิหารธรรม. บทว่า กาเลเนว ตเร วิสตฺติกํ ความว่า พระโยคาวจรนั้น
คือผู้ยังวิปัสสนาให้ถึงที่สุด ดำรงอยู่อย่างนี้ ชื่อว่าพึงข้ามตัณหา กล่าวคือ
ตัณหาที่ซ่านไปในอารมณ์ต่าง ๆ เพราะสืบต่อวัฏฏะ 3 ทั้งสิ้น โดยเวลาที่
ถึงความแก่กล้า โดยเวลาที่วุฏฐานคามินีวิปัสสนาสืบต่อด้วยมรรค และ
โดยเวลาที่อริยมรรคเกิดขึ้น อธิบายว่า พึงข้ามไปตั้งอยู่ ณ ฝั่งโน้นแห่ง
ตัณหานั้น.
พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงเปล่งอุทานอันแสดงถึงการที่ท่านพระ-
มหากัจจานะบรรลุพระอรหัต โดยอ้างถึงพระอรหัตผล ด้วยประการฉะนี้.
จบอรรถกถามหากัจจานสูตรที่ 8

9. อุทปานสูตร



ว่าด้วยพระพุทธเจ้าใช้พระอานนท์ไปตักน้ำ



[155] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จจาริกไปในมัลลชนบท พร้อม
ด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ได้เสด็จถึงพราหมณคามชื่อถูนะของมัลลกษัตริย์
ทั้งหลาย พราหมณ์และคฤหบดีชาวถูนคามได้สดับข่าวว่า แนะท่านผู้เจริญ
ทั้งหลาย พระสมณโคดมศากยบุตรเสด็จออกบวชจากศากยตระกูล เสด็จ
จาริกไปมัลลชนบทพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ เสด็จถึงถูนพราหมณคาม
โดยลำดับ พราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลายเอาหญ้าและแกลบถมบ่อน้ำจน
เต็มถึงปากบ่อ ด้วยตั้งใจว่า สมณะโล้นทั้งหลายอย่าได้ดื่มน้ำ

[156] ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแวะออกจากทางแล้ว
เสด็จเข้าไปยังโคนต้นไม้ต้นหนึ่ง ประทับนั่งบนอาสนะที่ท่านพระอานนท์
จัดถวาย ครั้นแล้วตรัสกะท่านพระอานนท์ว่า ดูก่อนอานนท์ เร็วเถิด
เธอจงไปนำน้ำมาจากบ่อนั่นเพื่อเรา เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้
แล้ว ท่านพระอานนท์ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ บัดนี้ บ่อน้ำนั้นพวกพราหมณ์และคฤหบดีชาวถูนคามเอาหญ้า
และแกลบถมจนเต็มถึงปากบ่อ ด้วยตั้งใจว่าสมณะโล้นทั้งหลายอย่าได้ดื่ม
น้ำ พระเจ้าข้า.
แม้ครั้งที่ 2...
แม้ครั้งที่ 3 พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกะท่านพระอานนท์ว่า ดูก่อน
อานนท์ เร็วเถิด เธอจงไปนำน้ำมาจากบ่อนั้นเพื่อเรา ท่านพระอานนท์
ทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ถือบาตรเดินเข้าไปยังบ่อน้ำนั้น ลำดับนั้น
แล เมื่อท่านพระอานนท์เดินเข้าไป บ่อน้ำล้นขึ้นพาเอาหญ้าและแกลบ
ทั้งหมดนั้นออกไปจากปากบ่อ เต็มไปด้วยน้ำใสแจ๋ว ไม่ขุ่นมัว จนถึง
ปากบ่อ ดุจไหลไปขังอยู่ ลำดับนั้นแล ท่านพระอานนท์ดำริว่า ท่าน
ผู้เจริญ ไม่เคยมีมาหนอ ความที่พระตถาคตทรงมีฤทธิ์มีอานุภาพมาก
เมื่อเราเดินเข้าไป บ่อน้ำนั้นแลล้นขึ้นพาเอาหญ้าและแกลบทั้งหมดนั้น
ออกไปจากบ่อ เต็มไปด้วยน้ำใสแจ๋ว ไม่ขุ่นมัว จนถึงปากบ่อ ดุจไหล
ไปขังอยู่ ท่านพระอานนท์เอาบาตรตักน้ำแล้วเข้าไปถวายพระผู้มีพระภาค-
เจ้า ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
น่าอัศจรรย์ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ไม่เคยมีมา ความที่พระตถาคตทรงมี
ฤทธิ์ มีอานุภาพมาก เมื่อข้าพระองค์เดินเข้าไป บ่อน้ำนั้นแลล้นขึ้นพา

เอาหญ้าและแกลบทั้งหมดนั้นออกไปจากบ่อ เต็มไปด้วยน้ำใสแจ๋ว ไม่
ขุ่นมัว จนถึงปากบ่อ ดุจไหลไปขังอยู่ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงดื่มน้ำ
เถิด ขอพระสุคตเจ้าจงทรงดื่มน้ำเถิด.
ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว จึง
ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า
ถ้าว่าน้ำพึงมีในกาลทุกเมื่อไซร้ บุคคลจะพึงกระ-
ทำประโยชน์อะไรด้วยบ่อน้ำ พระพุทธเจ้าตัดรากแห่ง
ตัณหาได้แล้ว จะพึงเที่ยวแสวงหาน้ำ เพราะเหตุ
อะไร.

จบอุทปานสูตรที่ 9

อรรถกถาอุทปานสูตร



อุทปานสูตรที่ 9

มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า มลฺเลสุ ความว่า ชนบทแม้ชนบทหนึ่ง อันเป็นที่อยู่ของ
พระราชกุมารชาวชนบทนามว่า มัลละ เขาเรียกว่า มัลละ โดยดาษดื่น
ในมัลลชนบทซึ่งในทางโลกเขาเรียกกันว่า มัลละ นั้น. แต่อาจารย์บาง
พวกกล่าวว่า มาเลสุ. บทว่า จาริกญฺจรมาโน ได้แก่ เสด็จจาริกไปใน
ชนบทมณฑลใหญ่ โดยเสด็จจาริกไปไม่รีบด่วน. บทว่า มหตา ภิกฺขุ-
สงฺเฆน
ได้แก่ หมู่สมณะหมู่ใหญ่ซึ่งกำหนดจำนวนไม่ได้. จริงอยู่ ในกาล
นั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าแวดล้อมไปด้วยภิกษุหมู่ใหญ่. บทว่า ถูณํ นาม
มลฺลานํ พฺราหฺมณคาโม
ได้เเก่ บ้านพราหมณ์ เพราะมีพราหมณ์มาก อัน