เมนู

ทั้งหลายในพระนครสาวัตถีโดยมากเป็นผู้ข้องแล้วในกามเกินเวลา เป็นผู้
กำหนัดแล้ว ยินดีแล้ว รักใคร่แล้ว หมกมุ่นแล้ว พัวพันแล้ว มืดมน
มัวเมาอยู่ในกามทั้งหลาย ครั้งนั้นแล เป็นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรง
นุ่งแล้วทรงถือบาตรและจีวร เสด็จเข้าไปบิณฑบาตในพระนครสาวัตถี ได้
ทรงเห็นพวกมนุษย์ในพระนครสาวัตถีโดยมาก เป็นผู้ข้องแล้วในกามทั้ง-
หลาย กำหนัดแล้ว ยินดีแล้ว รักใคร่แล้ว หมกมุ่นแล้ว พัวพันแล้ว
มืดมน มัวเมาอยู่ในกามทั้งหลาย.
ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว จึงทรง
เปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า
สัตว์ทั้งหลายผู้มืดมนเพราะกาม ถูกตัณหาซึ่ง
เป็นดุจข่ายปกคลุมไว้แล้ว ถูกเครื่องมุงคือตัณหา
ปกปิดไว้แล้ว ถูกกิเลสและเทวบุตรมารผูกพันไว้แล้ว
ย่อมไปสู่ชราและมรณะ เหมือนปลาในปากไซ
เหมือนลูกโคที่ยังดื่มนม ไปตามแม่โค ฉะนั้น.

จบทุติยกามสูตรที่ 4

อรรถกถาทุติยกามสูตร



ทุติยกามสูตรที่ 4

มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า อนฺธีกตา ความว่า ขึ้นชื่อว่ากาม ย่อมทำผู้ไม่มืดมนให้
มืดมน. เหมือนอย่างที่ท่านกล่าวไว้ว่า
คนโลภย่อมไม่รู้อรรถ คนโลภย่อมไม่เห็นธรรม
ความโลภย่อมครอบงำนรชน ในคราวที่เขามีความมืด.