เมนู

คือราคะ และด้วยเครื่องข้องคือ ทิฏฐิ มานะ โทสะ และอวิชชา ในวัตถุ-
กาม ด้วยความติดในกามนั้นนั่นแล. บทว่า สํโยชเน วชฺชมปสฺสมานา
ความว่า ไม่เห็นโทษ คือโทสะ ได้แก่ อาทีนพ อันชื่อว่ามีวัฏทุกข์เป็นมูล
เป็นต้น เพราะมีปกติเห็นตามความยินดี ในธรรมอันเป็นเครื่องประกอบ
สัตว์ไว้ในกิเลส มีกามราคะเป็นต้น อันได้นามว่า สังโยชน์ เพราะประกอบ
คือล่ามกัมมวัฏ ด้วยวิปากวัฏ หรือภพเป็นต้น ด้วยภพอื่นเป็นต้น หรือ
สัตว์ทั้งหลายด้วยทุกข์. บทว่า น หิ ชาตุ สํโยชนสงฺคสตฺตา โอฆํ
ตเรยฺยุํ วิปุลํ มหนฺตํ
ความว่า สัตว์ทั้งหลายผู้ข้องอยู่ในธรรมเป็นเครื่อง
ข้อง อันมีสังโยชน์เป็นสภาวะ เพราะไม่มีการเห็นโทษอย่างนี้ หรือข้อง
อยู่ในธรรมอันเป็นไปในภูมิ 3 อันเป็นอารมณ์แห่งธรรมเป็นเครื่องข้อง
เหล่านั้น ด้วยธรรมเป็นเครื่องข้องกล่าวคือสังโยชน์ ในกาลไหน ๆ ก็ข้าม
ไม่ได้ ซึ่งโอฆะมีกามเป็นต้น อันชื่อว่า กว้างขวาง แน่นหนา และใหญ่
หรือโอฆะคือสงสารนั่นเอง เพราะมีอารมณ์กว้างขวาง และหากาลเบื้องต้น
มิได้ อธิบายว่า ไม่พึงถึงฝั่งแห่งโอฆะนั้น โดยส่วนเดียวนั่นเอง.
จบอรรถกถาปฐมกามสูตรที่ 3

4. ทุติยกามสูตร



ว่าด้วยผู้มืดมนเพราะกาม



[150] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล มนุษย์

ทั้งหลายในพระนครสาวัตถีโดยมากเป็นผู้ข้องแล้วในกามเกินเวลา เป็นผู้
กำหนัดแล้ว ยินดีแล้ว รักใคร่แล้ว หมกมุ่นแล้ว พัวพันแล้ว มืดมน
มัวเมาอยู่ในกามทั้งหลาย ครั้งนั้นแล เป็นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรง
นุ่งแล้วทรงถือบาตรและจีวร เสด็จเข้าไปบิณฑบาตในพระนครสาวัตถี ได้
ทรงเห็นพวกมนุษย์ในพระนครสาวัตถีโดยมาก เป็นผู้ข้องแล้วในกามทั้ง-
หลาย กำหนัดแล้ว ยินดีแล้ว รักใคร่แล้ว หมกมุ่นแล้ว พัวพันแล้ว
มืดมน มัวเมาอยู่ในกามทั้งหลาย.
ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว จึงทรง
เปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า
สัตว์ทั้งหลายผู้มืดมนเพราะกาม ถูกตัณหาซึ่ง
เป็นดุจข่ายปกคลุมไว้แล้ว ถูกเครื่องมุงคือตัณหา
ปกปิดไว้แล้ว ถูกกิเลสและเทวบุตรมารผูกพันไว้แล้ว
ย่อมไปสู่ชราและมรณะ เหมือนปลาในปากไซ
เหมือนลูกโคที่ยังดื่มนม ไปตามแม่โค ฉะนั้น.

จบทุติยกามสูตรที่ 4

อรรถกถาทุติยกามสูตร



ทุติยกามสูตรที่ 4

มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า อนฺธีกตา ความว่า ขึ้นชื่อว่ากาม ย่อมทำผู้ไม่มืดมนให้
มืดมน. เหมือนอย่างที่ท่านกล่าวไว้ว่า
คนโลภย่อมไม่รู้อรรถ คนโลภย่อมไม่เห็นธรรม
ความโลภย่อมครอบงำนรชน ในคราวที่เขามีความมืด.