เมนู

ส่วนสุดสองอย่างนั้น พระอริยบุคคลไม่ได้สำคัญโดยสำคัญตัณหาทิฏฐิและ
มานะด้วยนัยมีอาทิว่า นี้เป็นการละส่วนสุดโต่งของเรา เราได้ละที่สุดโต่ง
สองอย่างแล้ว เพราะการละส่วนสุดโต่งนี้จึงจัดว่าประเสริฐ เพราะละความ
สำคัญทั้งปวงได้โดยชอบทีเดียว. ก็ในที่นี้ เพราะหมายถึงพระอริยบุคคล
ผู้ดำรงอยู่ในอรหัตผล จึงประกาศเทศนานี้ด้วยอำนาจอดีตกาลว่า ไม่ได้
ตกไปในส่วนสุดสองอย่างนั้น และไม่ได้สำคัญด้วยการละส่วนสุดสองอย่าง
นั้น. ก็เมื่อท่านประสงค์เอาขณะแห่งมรรค ก็จำต้องกล่าวถึง ด้วยอำนาจ
ปัจจุบันกาลเหมือนกัน.
บทว่า วฏฺฏํ เตสํ นตฺถิ ปญฺญาปนาย ความว่า ชนเหล่าใด เป็น
บุรุษอันสูงสุด ละความสำคัญทั้งหมดเสียได้ด้วยอาการอย่างนี้ เมื่อท่าน
เหล่านั้นปรินิพพานโดยหาเชื้อมิได้ วัฏฏะแม้ทั้งสามคือกัมมวัฏ วิปากวัฏ
และกิเลสวัฏ ย่อมไม่มีโดยบัญญัติ. อธิบายว่า หลังจากขันธ์ที่เป็นปัจจุบัน
ดับไป พระอริยบุคคลเหล่านั้น ก็ถึงภาวะหาบัญญัติมิได้ทีเดียว เหมือน
ไฟหมดเชื้อดับไปฉะนั้น.
จบอรรถกถาคณิกาสูตรที่ 8

9. อุปาติสูตร



ว่าด้วยแมลงบินเข้าไป



[145] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล พระ-

ผู้มีพระภาคเจ้าประทับนั่งในที่แจ้งในความมืดตื้อในราตรี เมื่อประทีป
น้ำมันลุกโพลงอยู่ ก็สมัยนั้นแล ตัวแมลงเป็นอันมากตกลงรอบๆ ที่ประทีป
นำมันเหล่านั้น ย่อมถึงความทุกข์ ความพินาศ ความย่อยยับ ลำดับนั้นแล
พระผู้มีพระภาคเจ้าไค้ทรงเห็นตัวแมลงเป็นอันมากเหล่านั้น ตกลงรอบ ๆ
ที่ประทีปน้ำมันเหล่านั้น ถึงความทุกข์ ความพินาศ ความย่อยยับ.
ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว จึงทรง
เปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า
สมณพราหมณ์พวกหนึ่งย่อมแล่นเลยไป ไม่ถึง
ธรรมอันเป็นสาระ ย่อมพอกพูนเครื่องผูกใหม่ ๆ ตั้ง
มั่นอยู่ในสิ่งที่ตนเห็นแล้ว ฟังแล้วอย่างนี้ เหมือนฝูง
แมลงตกลงสู่ประทีปน้ำมันฉะนั้น.

จบอุปาติสูตรที่ 9

อรรถกถาอุปาติสูตร



อุปาติสูตรที่ 9

มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า รตฺตนฺธการติมิสายํ ได้แก่ ความมืดมิดโดยการมืดสนิทใน
ราตรี. จริงอยู่ แม้ราตรีในคืนวันเพ็ญสว่างไสวด้วยแสงจันทร์ข้างขึ้น
เป็นอันชื่อว่าเว้นจากความมืดมิด. แม้ความมืด ก็ไม่ควรจะกล่าวว่ามืดมิด
ในเมื่อกลางวันปราศจากความหมองด้วยหมอกเป็นต้น. จริงอยู่ ความ
มืดมิด ท่านเรียกว่า ติมิสา. ก็ความมืดนี้คือ วันดับ กลางคืน ฝนตก และ
ปกคลุมด้วยกลีบเมฆ. ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า บทว่า รตฺตนฺธการ-
ติมิสายํ
ได้แก่ ความมืดมิด ด้วยความมืดสนิท ในราตรี ดังนี้.