เมนู

อย่างนั้น เป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ มีใจมั่น เริ่มตั้งวิปัสสนาพิจารณาอยู่ ย่อม
บรรลุถึงพระนิพพานโดยลำดับ.
จบอรรถกถาอุโปสถสูตรที่ 5

6. โสณสูตร



ว่าด้วยคนสะอาดไม่ยินดีในบาป



[119] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อา-
ฐานของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล ท่าน
พระมหากัจจานะอยู่ ณ ปวัฏฏบรรพต แคว้นกุรุรฆระ ในอวันตีชนบท
ก็สมัยนั้นแล อุบาสกชื่อโสณโกฏิกัณณะ เป็นอุปัฏฐากของท่านพระมหา-
กัจจานะ ครั้งนั้นแล อุบาสกชื่อโสณโกฏิกัณณะ หลีกเร้นอยู่ในที่ลับ
ได้เกิดความปริวิตกแห่งใจอย่างนี้ว่า พระคุณเจ้ามหากัจจานะย่อมแสดง
ธรรมด้วยอาการใด ๆ ธรรมนั้นย่อมปรากฏแก่เราผู้พิจารณาอยู่ด้วยอาการ
นั้น ๆ อย่างนี้ว่า บุคคลผู้ครองเรือน จะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์
บริบูรณ์โดยส่วนเดียวดุจสังข์ขัด ไม่ใช่ทำได้ง่าย ผิฉะนั้น เราพึงปลงผม
และหนวดนุ่งห่มผ้ากาสายะออกบวชเป็นบรรพชิตเถิด ลำดับนั้นแล อุบา-
สกโสณโกฏิกัณณะเข้าไปหาท่านพระมหากัจจานะถึงที่อยู่ อภิวาทแล้วนั่ง
ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กล่าวกะท่านพระมหากัจจานะว่า ข้าแต่
ท่านผู้เจริญ ขอโอกาส กระผมหลีกเร้นอยู่ในที่ลับ ได้เกิดปริวิตกแห่ง
ใจอย่างนี้ว่า พระคุณเจ้ามหากัจจานะย่อมแสดงธรรมด้วยอาการใด ๆ

ธรรมนั้นย่อมปรากฏแก่เราผู้พิจารณาอยู่ด้วยอาการนั้น ๆ อย่างนี้ว่า บุคคล
ผู้ครองเรือนจะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์โดยส่วนเดียวดุจ
สังข์ขัด ไม่ใช่ทำได้ง่าย ผิฉะนั้น เราพึงปลงผมและหนวดนุ่งห่มผ้า
กาสายะออกบวชเป็นบรรพชิตเถิด ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ขอพระคุณเจ้ามหา-
กัจจานะโปรดให้กระผมบวชเถิด.
[120] เมื่ออุบาสกโสณโกฏิกัณณะกล่าวอย่างนี้แล้ว ท่านพระ-
มหากัจจานะได้กล่าวกะอุบาสกโสณโกฏิกัณณะว่า ดูก่อนโสณะ พรหม-
จรรย์มีภัตหนเดียว มีการนอนผู้เดียวตลอดชีวิต ทำได้ยากนัก ดูก่อน
โสณะ เชิญท่านเป็นคฤหัสถ์อยู่ในเรือนนั้นแล จงหมั่นประกอบพรหม-
จรรย์อันมีภัตหนเดียว นอนผู้เดียว เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้ง-
หลายเถิด ครั้งนั้นแล การปรารภเพื่อจะบวชของอุบาสกโสณโกฏิกัณณะ
ได้ระงับไป แม้ครั้งที่ 2. . . การปรารภเพื่อจะบวชของอุบาสกโสณโกฏิ-
กัณณะก็ได้ระงับไป แม้ครั้งที่ 3 อุบาสกโสณโกฏิกัณณะหลีกเร้นอยู่ใน
ที่ลับ เกิดความปริวิตกแห่งใจอย่างนี้ว่า พระคุณเจ้ามหากัจจานะย่อม
แสดงธรรมด้วยอาการใด ๆ ธรรมนั้นย่อมปรากฏแก่เราผู้พิจารณาอยู่ด้วย
อาการนั้น ๆ อย่างนี้ว่า บุคคลผู้ครองเรือน จะประพฤติพรหมจรรย์ให้
บริสุทธิ์บริบูรณ์โดยส่วนเดียวดุจสังข์ขัด ไม่ใช่ทำได้ง่าย ผิฉะนั้น เราพึง
ปลงผมและหนวดนุ่งห่มผ้ากาสายะออกบวชเป็นบรรพชิตเถิด แม้ครั้งที่ 3
อุบาสกโสณโกฏิกัณณะก็ได้เข้าไปหาท่านพระมหากัจจานะถึงที่อยู่ อภิวาท
แลนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กล่าวกะท่านพระมหากัจจานะ
ว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ กระผมหลีกเร้นอยู่ในที่ลับ ได้เกิดความปริวิตก
แห่งใจอย่างนี้ว่า พระคุณเจ้ามหากัจจานะย่อมแสดงธรรมด้วยอาการใด ๆ

ธรรมนั้นย่อมปรากฏแก่กระผมผู้พิจารณาอยู่ด้วยอาการนั้น ๆ อย่างนี้ว่า
บุคคลผู้อยู่ครองเรือน จะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์โดยส่วน
เดียวดุจสังข์ขัด ไม่ใช่ทำได้ง่าย ผิฉะนั้น เราพึงปลงผมและหนวดนุ่งห่ม
ผ้ากาสายะออกบวชเป็นบรรพชิตเถิด ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ขอพระคุณเจ้า
มหากัจจานะโปรดให้กระผมบวชเถิด. ลำดับนั้นแล ท่านพระมหากัจจานะ
ให้อุบาสกโสณโกฏิกัณณะบวชแล้ว.
[121] ก็โดยสมัยนั้น อวันตีทักขิณาบถมีภิกษุน้อย ครั้งนั้นแล
ท่านพระมหากัจจานะให้ประชุมพระภิกษุสงฆ์สวรรค์แต่บ้าน และนิคม
เป็นต้นนั้น โดยยากลำบาก โดยล่วงไปสามปี จึงให้ท่านพระโสณะอุป-
สมบทได้ ครั้งนั้นแล ท่านพระโสณะอยู่จำพรรษาแล้ว หลีกออกเร้นอยู่
ในที่ลับ เกิดความปริวิตกแห่งใจอย่างนี้ว่า เราไม่ได้เฝ้าพระผู้มีพระภาค-
เจ้าพระองค์นั้นเฉพาะพระพักตร์ แต่เราได้ฟังเท่านั้นว่า พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าพระองค์นั้น พระองค์เป็นเช่นนี้ ๆ ถ้าว่าพระอุปัชฌายะ พึง
อนุญาตเราไซร้ เราพึงไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระองค์นั้น ลำดับนั้นแล เป็นเวลาเย็น ท่านพระโสณะออกจากที่เร้น
เข้าไปหาพระมหากัจจานะถึงที่อยู่ อภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้วได้กล่าวกะท่านพระมหากัจจานะว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ขอโอกาส
เมื่อกระผมหลีกออกเร้นอยู่ในที่ลับ ได้เกิดความปริวิตกแห่งใจอย่างนี้ว่า
เราไม่ได้เฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั่นเฉพาะพระพักตร์ แต่เราได้
ฟังเท่านั้นว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น พระองค์เป็นเช่นนี้ ๆ ถ้า
ว่าพระอุปัชฌายะพึงอนุญาตเราไซร้ เราพึงไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคอรหันต-
สัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น.

ท่านพระมหากัจจานะกล่าวว่า ดีละ ๆ โสณะ ท่านจงไปเฝ้าพระ-
ผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นเถิด ท่านจักได้เฝ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ผู้น่าเลื่อมใส ควรเลื่อมใส มีอินทรีย์
สงบ มีพระทัยสงบ ผู้ถึงความสงบและความฝึกอันสูงสุด ผู้ฝึกแล้ว ผู้
คุ้มครองแล้ว มีอินทรีย์สำรวมแล้ว ผู้ประเสริฐ ครั้นแล้ว ท่านจงถวาย
บังคมพระบาทของพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยเศียรเกล้าตามคำของเรา จงทูล
ถามถึงความเป็นผู้มีอาพาธน้อย พระโรคเบาบาง กระปรี้กระเปร่า ทรง
มีกำลัง ทรงอยู่สำราญเถิด.
ท่านพระโสณะชื่นชมยินดีภาษิตของท่านพระมหากัจจานะแล้ว ลุก
จากอาสนะ อภิวาทท่านพระมหากัจจานะ กระทำประทักษิณ เก็บเสนา-
สนะแล้ว ถือบาตรและจีวรหลีกจาริกไปทางพระนครสาวัตถี เมื่อเที่ยว
จาริกไปโดยลำดับ ได้ถึงพระนครสาวัตถีแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ถวายบังคม
แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ ท่านพระมหากัจจานะอุปัชฌายะของข้าพระองค์ ถวายบังคมพระ-
บาทของพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยเศียรเกล้า และทูลถามถึงความเป็นผู้มี
พระอาพาธน้อย พระโรคเบาบาง กระปรี้กระเปร่า ทรงมีกำลัง ทรง
อยู่สำราญ พระเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุ เธอ
พึงอดทนได้หรือ พึงให้เป็นไปได้หรือ เธอมาสิ้นหนทางไกลด้วยความ
ไม่ลำบากหรือ และเธอไม่ลำบากด้วยบิณฑบาตหรือ ท่านพระโสณะ
กราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระองค์พึงอดทนได้ พึงให้

เป็นไปได้ ข้าพระองค์มาสิ้นหนทางไกลด้วยความไม่ลำบาก และข้าพระ-
องค์ไม่ลำบากด้วยบิณฑบาตพระเจ้าข้า.
[122] ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสั่งท่านพระอานนท์
ว่า ดูก่อนอานนท์ เธอจงปูลาดเสนาสนะสำหรับภิกษุผู้อาคันตุกะนี้เถิด
ลำดับนั้น ท่านพระอานนท์ดำริว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสั่งใช้เรา
ว่า ดูก่อนอานนท์ เธอจงปูลาดเสนาสนะสำหรับภิกษุอาคันตุกะนี้เถิด
ดังนี้ เพื่อภิกษุใด พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงปรารถนาจะประทับอยู่ในวิหาร
เดียวกันกับภิกษุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงปรารถนาจะประทับอยู่ใน
วิหารเดียวกับท่านพระโสณะ ท่านพระอานนท์ได้ปูลาดเสนาสนะสำหรับ
ท่านพระโสณะในวิหารที่พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ครั้งนั้นแล พระ-
ผู้มีพระภาคเจ้าทรงยับยั้งด้วยการประทับนั่งในอัพโภกาสสิ้นราตรีเป็นอัน
มาก ทรงล้างพระบาทแล้ว เสด็จเข้าไปสู่พระวิหาร แม้ท่านพระโสณะก็
ยับยั้งด้วยการนั่งในอัพโภกาสสิ้นราตรีเป็นอันมาก ล้างเท้าแล้วเข้าไปสู่
พระวิหาร ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงลุกขึ้นในเวลาใกล้รุ่งแห่ง
ราตรี รับสั่งกะท่านพระโสณะว่า ดูก่อนภิกษุ การกล่าวธรรมจงแจ่มแจ้ง
กะเธอเถิด ท่านพระโสณะทูลรับ พระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วได้กล่าวพระสูตร
ทั้งหมด 16 สูตร จัดเป็นวรรค 8 วรรค ด้วยสรภัญญะ ลำดับนั้น ใน
เวลาจบสรภัญญะของท่านพระโสณะ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุโมทนา
ว่า ดีละ ๆ ภิกษุ พระสูตร 16 สูตร จัดเป็นวรรค 8 วรรค เธอเรียน
ดีแล้ว กระทำไว้ในใจดีแล้ว จำทรงไว้ดีแล้ว เธอเป็นผู้ประกอบด้วย
วาจาไพเราะ ไม่มีโทษ สามารถเพื่อจะยังเนื้อความให้แจ่มแจ้ง ดูก่อน

ภิกษุ เธอมีพรรษาเท่าไร ท่านพระโสณะกราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มี-
พระภาคเจ้า ข้าพระองค์มีพรรษาหนึ่ง.
พ. เธอได้ทำช้าอยู่อย่างนี้ เพื่ออะไร.
โส. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้เห็นโทษในกามทั้งหลาย
โดยกาลนาน ทั้งฆราวาสคับแคบ มีกิจมาก มีกรณียะมาก พระเจ้าข้า.
ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว จึงทรง
เปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า
พระอริยเจ้าย่อมไม่ยินดีในบาป ท่านผู้สะอาด
ย่อมไม่ยินดีในบาป เพราะได้เห็นโทษในโลก เพราะ
ได้รู้ธรรมอันไม่มีอุปธิ.

จบโสณสูตรที่ 6

อรรถกถาโสณสูตร



โสณสูตรที่ 6 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า อวนฺตีสุ ได้แก่ ในอวันตีรัฐ. บทว่า กุรุรฆเร ได้แก่
นครอันมีชื่ออย่างนั้น. บทว่า ปวตฺเต ปพฺพเต ได้แก่ ภูเขาอันชื่อว่า
ปวัตตะ บางอาจารย์กล่าวว่า ปปาเต ดังนี้บ้าง. บทว่า โสโณ อุปาสโก
กุฏิกณฺโณ
ความว่า โดยนาม ชื่อว่าโสณะ ชื่อว่าอุบาสก เพราะประ-
กาศความเป็นอุบาสกโดยถึงสรณะ 3 เพราะทรงเครื่องประดับหูมีราคา
หนึ่งโกฏิ ควรจะเรียกว่า โกฏิกัณณะ แต่เขารู้จักกันมากว่า กุฏิกัณณะ
อธิบายว่า โสณะผู้เป็นเด็กดี.