เมนู

เราชื่อว่าโชติปาละได้กล่าวกะพระสุคตเจ้า พระนาม
ว่ากัสสปะในคราวนั้นว่า จักมีโพธิมณฑลแต่ที่ไหน
โพธิญาณท่านได้ยากอย่างยิ่ง ด้วยวิบากกรรมนั้น เรา
ได้กระทำกรรมที่ทำได้ยากเป็นอันมาก ที่ตำบลอุรุ-
เวลาเสนานิคม 6 พรรษา แต่นั้นจึงได้บรรลุพระ-
โพธิญาณ แต่เราก็มิได้บรรลุพระโพธิญาณด้วยทางนี้
เราอันบุรพกรรมตักเตือนแล้ว จึงแสวงหาโดยทางผิด
บัดนี้ เราเป็นผู้สิ้นบุญสินบาปแล้ว เว้นจากความเร่า-
ร้อนทั้งปวง ไม่มีความเศร้าโศก ไม่มีความคับแค้น
ดับสนิทหาอาสวะมิได้ พระชินเจ้าทรงบรรลุพลัง
แห่งอภิญญาทั้งปวง ทรงพยากรณ์โดยหวังประโยชน์
แก่ภิกษุสงฆ์ ที่สระใหญ่ ชื่อ อโนดาต ด้วยประการ
ฉะนี้แล.

จบอรรถกถาสุนทรีสูตรที่ 8

9. อุปเสนวังคันตปุตตสูตร



ว่าด้วยชีวิตไม่เดือดร้อน



[108] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน
กลันทกนิวาปสถาน ใกล้พระนครราชคฤห์ ครั้งนั้นแล ท่านพระ-
อุปเสนวังคันตบุตรหลีกเร้นอยู่ในที่ลับ ได้เกิดความปริวิตกแห่งใจขึ้น

อย่างนี้ว่า เป็นลาภของเราหนอ เราได้ดีแล้วหนอ พระผู้มีพระภาค-
อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดาของเรา เราออกบวชเป็นบรรพชิตใน
ธรรมวินัยอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสดีแล้ว เพื่อนพรหมจรรย์ของเรามีศีล
มีธรรมอันงาม เราเป็นผู้กระทำบริบูรณ์ในศีลทั้งหลาย เป็นผู้มีจิตตั้งมั่น
แน่วแน่เป็นอันดี เราเป็นพระอรหันตขีณาสพ และเราเป็นผู้มีฤทธิ์มาก
มีอานุภาพมาก ชีวิตของเราเจริญ ความตายของเราเจริญ.
ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบความปริวิตกแห่งใจของ
ท่านพระอุปเสนวังคันตบุตรด้วยพระหฤทัยแล้ว จึงทรงเปล่งอุทานนี้ใน
เวลานั้นว่า
ชีวิตย่อมไม่ทำให้ผู้ใดเดือดร้อน ผู้นั้นย่อมไม่
เศร้าโศกในที่สุดคือมรณะ ถ้าว่าผู้นั้นมีบทอันเห็น
แล้วไซร้ เป็นนักปราชญ์ ย่อมไม่เศร้าโศกในท่าม
กลางแห่งสัตว์มีความโศก ภิกษุผู้มีภวตัณหาอันตัด
ขาดแล้ว มีจิตสงบ มีชาติสงสารสิ้นแล้ว ย่อมไม่
มีภพใหม่.
จบอุปเสนวังคันตปุตตสูตรที่ 9

อรรถกถาอุปเสนวังคันตปุตตสูตร



อุปเสนวังคันตปุตตสูตรที่ 9 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า อุปเสโน ในบทว่า อุปเสนสฺส นี้ เป็นชื่อของพระเถระ
นั้น. ก็เพราะท่านเป็นบุตรของท่านวังคันตพราหมณ์ เขาจึงเรียกว่า
วังคันตบุตร.