เมนู

หวั่น ไม่ไหว ด้วยลมตามปกติ. บทว่า เอวํ โมหกฺขยา ภิกฺขุ ปุพฺพโตว
น เวธติ
ความว่า ภิกษุชื่อว่าละอกุศลทั้งปวงได้ เพราะละโมหะได้เด็ดขาด
และเพราะละอกุศลทั้งปวงมีโมหะเป็นมูล ย่อมไม่หวั่น คือไม่ไหวด้วยโลก-
ธรรม เหมือนภูเขานั้นไม่สะเทือนด้วยลมตามปกติ. อีกอย่างหนึ่ง เพราะ
เหตุที่พระนิพพานและพระอรหัตท่านเรียกว่า โมหักขยะ ฉะนั้น ภิกษุนั้น
จึงชื่อว่าตั้งอยู่ด้วยดีแล้วในอริยสัจ 4 เพราะบรรลุพระนิพพานและพระ-
อรหัต เหตุสิ้นไปแห่งโมหะ แม้ในเวลาที่ไม่เข้าสมาบัติก็ไม่หวั่นไหวด้วย
อะไร ๆ เหมือนภูเขาดังกล่าวแล้ว. อธิบายว่า จะป่วยกล่าวไปไยในเวลา
เข้าสมาบัติเล่า.
จบอรรถกถาสารีปุตตสูตรที่ 4

5. โกลิตสูตร



ว่าด้วยกายคตาสติ


[77] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล
ท่านพระมหาโมคคัลลานะนั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง มีกายคตาสติอันตั้งไว้
แล้วในภายใน อยู่ในที่ไม่ไกลพระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้าได้
ทรงเห็นท่านพระมหาโมคคัลลานะนั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง มีกายคตาสติ
อันตั้งไว้ดีแล้วในภายใน อยู่ในที่ไม่ไกล.
ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว จึง
ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า

ภิกษุเข้าไปตั้งกายคตาสติไว้แล้ว สำรวมแล้วใน
ผัสสายตนะ 6 มีจิตตั้งมั่นแล้วเนือง ๆ พึงรู้นิพพาน
ของตน.

จบโกลิตสูตรที่ 5

อรรถกถาโกลิตสูตร



โกลิตสูตรที่ 5 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า กายคตาย สติยา ความว่า มีสติอันไปในกาย คือมีกาย
เป็นอารมณ์ ด้วยอำนาจกายานุปัสสนา. บทว่า สติยา นี้ เป็นตติยาวิภัตติ
ใช้ในลักษณะอิตถัมภูต. ภายในตนชื่อว่าอัชฌัตตะ ในบทว่า อชฺฌตฺตํ นี้.
เพราะฉะนั้น จึงมีความว่า ในตน คือในสันดานของตน. อีกอย่างหนึ่ง
พึงทราบเนื้อความของบทว่า อชฺฌตฺตํ ว่า โคจรชฺฌตฺตํ เพราะท่านประ-
สงค์เอาประชุมส่วนทั้ง 32 มีผมเป็นต้น อันเป็นตัวกรรมฐาน ว่ากาย
ในที่นี้. บทว่า สุปติฏฺฐิตาย ความว่า ปรากฏด้วยดีในกาย อันเป็น
ภายในตน หรืออันเป็นภายในอารมณ์. ถามว่า ก็สติที่ท่านกล่าวว่า
ปรากฏด้วยดีภายในตน คืออะไร ? ตอบว่า คือ สติอันปรากฏในกายด้วย
อำนาจอุปจาระและอุปปนาของพระโยคีผู้ยังปฏิกูลมนสิการให้เป็นไปใน
อาการ 32 มีผมเป็นต้น อันเป็นภายในที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่ากาย
โดยนัยมีอาทิว่า ผม ขน มีอยู่ในกายนี้นั้น ท่านเรียกว่า กายคตาสติ. ก็
กายคตาสตินี้ฉันใด สติอันปรากฏในกายด้วยอำนาจอุปการะและอัปปนา
ตามควรของพระโยคีผู้ยังมนสิการให้เป็นไปด้วยอำนาจสติสัปชัญญะใน