เมนู

2. ราชสูตร



ว่าด้วยพระราชาองค์ไหนมีสมบัติมากกว่ากัน



[52] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล เมื่อภิกษุ
มากด้วยกันกลับจากบิณฑบาตภายหลังภัตแล้ว นั่งประชุมกันในศาลาเป็น
ที่บำรุง เกิดสนทนาขึ้นในระหว่างว่า ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย บรรดา
พระราชาสองพระองค์นี้ คือพระเจ้าแผ่นดินมคธจอมทัพพระนามว่าพิม-
พิสารก็ดี พระเจ้าปเสนทิโกศลก็ดี องค์ไหนหนอแลมีพระราชทรัพย์มาก
กว่ากัน มีโภคสมบัติมากกว่ากัน มีท้องพระคลังมากกว่ากัน มีแว่นแคว้น
มากกว่ากัน มีพาหนะมากกว่ากัน มีกำลังมากกว่ากัน หรือมีอานุภาพ
มากกว่ากัน การสนทนาในระหว่างของภิกษุเหล่านั้นค้างเพียงนี้ ครั้งนั้น
แล เวลาเย็น พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จออกจากที่หลีกเร้น เสด็จเข้าไปยัง
ศาลาเป็นที่บำรุง ประทับนั่งบนอาสนะที่บุคคลปูลาดไว้ ครั้นแล้วตรัส
ถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เธอทั้งหลายนั่งประชุม
สนทนากันด้วยเรื่องอะไรหนอ การสนทนาในระหว่างของเธอทั้งหลาย
ที่ยังค้างอยู่เป็นอย่างไร ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ขอประทานพระวโรกาส เมื่อข้าพระองค์ทั้งหลายกลับจากบิณฑบาตภาย
หลังภัตแล้ว นั่งประชุมกันในศาลาเป็นที่บำรุง เกิดสนทนากันขึ้นใน
ระหว่างว่า ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย บรรดาพระราชาสองพระองค์นี้คือ
พระเจ้าแผ่นดินมคธจอมทัพพระนามว่าพิมพิสารก็ดี พระเจ้าปเสนทิโกศล
ก็ดี องค์ไหนหนอแลมีพระราชทรัพย์มากกว่ากัน มีโภคสมบัติมากกว่ากัน

มีท้องพระคลังมากกว่ากัน มีแว่นแคว้นมากกว่ากัน มีพาหนะมากกว่ากัน
มีกำลังมากกว่ากัน มีฤทธิ์มากกว่ากัน หรือมีอานุภาพมากกว่ากัน ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ การสนทนาในระหว่างของข้าพระองค์ทั้งหลายนี้แล ค้าง
อยู่เพียงนี้ ก็พอดีพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จมาถึง พระเจ้าข้า พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การที่เธอทั้งหลายพึงกล่าวถ้อยคำ
เห็นปานนี้นั้น ไม่สมควรแก่เธอทั้งหลายผู้เป็นกุลบุตร ออกบวชเป็น
บรรพชิตด้วยศรัทธาเลย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายประชุมกันแล้ว
ควรทำเหตุสองประการ คือ ธรรมมีกถา หรือดุษณีภาพอันเป็นของ
พระอริยะ.
ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว จึงทรง
เปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า
กามสุขในโลกและทิพยสุข ย่อมไม่ถึงเสี้ยวที่ 16
[ที่จำแนกออก 16 หน] แห่งสุขคือความสิ้นตัณหา.
จบราชสูตรที่ 2

อรรถกถาราชสูตร



ราชสูตรที่ 2 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า สมฺพหุลานํ ความว่า โดยสำนวนพระวินัยภิกษุ 3 รูป
เรียกว่า สัมพหุลา, เลยจากนั้น เรียกว่าสงฆ์. แต่โดยสำนวนพระสูตร
3 คนก็คงเรียกว่า 3 คนนั่นเอง ถัดจากนั้น เรียกว่า สัมพหุลา. เพราะ-
ฉะนั้น แม้ในที่นี้ ว่าโดยสำนวนพระสูตรพึงทราบว่า สัมพหุลา. บทว่า
อุปฏฺฐานสาลายํ ได้แก่ ในมณฑปอันเป็นที่ประชุมฟังธรรม. จริงอยู่