เมนู

อชกลาปกะ ครั้นภายหลังจากถึงฝั่งที่กล่าวแล้วนั้น บุคคลเป็นไปล่วง
คือก้าวล่วง ครอบงำ ไม่กลัวปีศาจที่มากินเนื้อที่ท่านแสดงแล้วนั่น และ
เสียงอักกุละ พักกุละ ที่ตั้งขึ้นให้เกิดความกลัว.
คาถาแม้นี้ ท่านกล่าวยกย่องเฉพาะพระอรหัต. ครั้งนั้น อชกลาปก-
ยักษ์ เห็นความคงที่นั้น เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ทรงหวั่นไหว แม้
ด้วยความน่ากลัวอันมีภัยเกิดเฉพาะหน้าเห็นปานนั้น อันตนกระทำแล้ว
ก็มีจิตเลื่อมใสว่า พระสมณะนี้เป็นมนุษย์อัศจรรย์หนอ เมื่อจะประกาศ
ถึงศรัทธาอันเป็นของปุถุชนตั้งมั่นในตน จึงประกาศความเป็นอุบาสก
เฉพาะพระพักตร์พระศาสดาแล.
จบอรรถกถาปาวาสูตรที่ 7

8. สังคามชิสูตร



ว่าด้วยการไม่ยินดีต่อบุตรภรรยาเก่า



[45] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล ท่าน
พระสังคามชิถึงพระนครสาวัตถีโดยลำดับ เพื่อจะเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
ภริยาเก่าของท่านพระสังคามชิได้ฟังข่าวว่า พระผู้เป็นเจ้าสังคามชิถึงพระ-
นครสาวัตถีแล้ว นางได้อุ้มทารกไปยังพระวิหารเชตวัน ก็สมัยนั้นแล
ท่านพระสังคามชินั่งพักกลางวันที่โคนต้นไม้แห่งหนึ่ง ครั้งนั้น ภริยาเก่า
ของท่านพระสังคามชิ เข้าไปหาท่านพระสังคามชิถึงที่อยู่ ครั้นแล้ว ได้

กล่าวกะท่านพระสังคามชิว่า ข้าแต่สมณะ ขอท่านจงเลี้ยงดูดิฉันผู้มีบุตร
น้อยเถิด เมื่อภริยาเก่ากล่าวอย่างนี้แล้ว ท่านพระสังคามชิก็นิ่งเสีย แม้
ครั้งที่ 2 แม้ครั้งที่ 3 ภริยาเก่าของท่านพระสังคามชิก็ได้กล่าวกะท่าน
พระสังคามชิว่า ข้าแต่สมณะ ขอท่านจงเลี้ยงดูดิฉันผู้มีบุตรน้อยเถิด ท่าน
พระสังคามชิก็ได้นิ่งเสีย ลำดับนั้นแล ภริยาเก่าของท่านพระสังคามชิอุ้ม
ทารกนั้นไปวางไว้ข้างหน้าท่านพระสังคามชิ กล่าวว่า ข้าแต่สมณะ นี้บุตร
ของท่าน ท่านจงเลี้ยงดูบุตรนั้นเถิด ดังนี้แล้วหลีกไป ลำดับนั้นแล ท่าน
พระสังคามชิไม่ได้แลดูทั้งไม่ได้พูดกะทารกนั้นเลย ลำดับนั้น ภริยาเก่า
ของท่านพระสังคามชิไปคอยดูอยู่ในที่ไม่ไกล ได้เห็นท่านพระสังคามชิ
ผู้ไม่แลดูทั้งไม่ได้พูดกะทารก ครั้นแล้วจึงได้คิดว่า สมณะนี้แลไม่มีความ
ต้องการแม้ด้วยบุตร นางกลับจากที่นั้นแล้วอุ้มทารกหลีกไป พระผู้มี-
พระภาคเจ้าได้ทรงเห็นการกระทำอันแปลก แม้เห็นปานนี้แห่งภริยาเก่า
ของท่านพระสังคามชิ ด้วยทิพจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์.
ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว จึง
เปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า
เรากล่าวพระสังคามชิ ผู้ไม่ยินดีภริยาเก่า ผู้มา
อยู่ ผู้ไม่เศร้าโศกถึงภริยาเก่า ผู้หลีกไปอยู่ ผู้พ้น
แล้วจากธรรมเป็นเครื่องข้อง ว่าเป็นพราหมณ์.

จบสังคามชิสูตรที่ 8

อรรถกถาสังคามชิสูตร



สังคามชิสูตรที่ 8 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า สงฺคามชิ ได้แก่ มีชื่ออย่างนี้. จริงอยู่ ท่านผู้มีอายุนี้ เป็น
บุตรของเศรษฐีมีสมบัติมากท่านหนึ่งในเมืองสาวัตถี เวลาเจริญวัย มารดา
บิดาให้มีเหย้าเรือนโดยสมควร มอบทรัพย์สมบัติให้ ให้อยู่ครองเรือน.
วันหนึ่ง เขาเห็นอุบาสกชาวกรุงสาวัตถี กำลังถวายทาน สมาทานศีล
ตอนเช้า นุ่งห่มผ้าขาว ถือของหอมและดอกไม้เป็นต้น ตรงไปยังพระ-
เชตวันเพื่อฟังธรรมตอนเย็น จึงถามว่า ท่านทั้งหลายไปไหนกัน เมื่อเขา
ตอบว่า ไปสำนักพระศาสดาในพระเชตวันเพื่อฟังธรรม จึงกล่าวว่า ถ้า
เช่นนั้น แม้ฉันก็จะไป จึงได้ไปกับพวกเหล่านั้น. สมัยนั้นแล พระผู้-
มีพระภาคเจ้าประทับนั่งเหนือบวรพุทธอาสน์ที่เขาบรรจงจัดไว้ ณ มณฑป
สำหรับฟังพระสัทธรรม แสดงธรรมอยู่ในท่ามกลางบริษัท 4 เหมือน
ไกรสรราชสีห์บันลือสีหนาทในถ้ำทอง. ครั้งนั้นแล อุบาสกเหล่านั้น
ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วนั่งอยู่ ณ ส่วนข้างหนึ่ง. ฝ่ายสังคามชิ
กุลบุตร นั่งฟังธรรมอยู่ท้ายบริษัทนั้น. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอนุปุพพิ-
กถาประกาศสัจจะ 4 ในเวลาจบสัจจะ สัตว์หลายพันได้ตรัสรู้ธรรม.
ฝ่ายสังคามชิกุลบุตร ก็บรรลุโสดาปัตติผล เมื่อบริษัทออกไปแล้ว เข้า
ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ถวายบังคมแล้วทูลขอบรรพชาว่า ข้าแต่พระ-
ผู้มีพระภาคเจ้า โปรดให้ข้าพระองค์บรรพชาเถิด. พระผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสถามว่า ก็มารดาบิดาอนุญาตให้เธอบรรพชาแล้วหรือ. เขากราบทูลว่า
ยังไม่ได้รับอนุญาต พระเจ้าข้า. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า สังคามชิ
พระตถาคตเจ้าทั้งหลายไม่ยอมบวชบุตรที่มารดาบิดาไม่อนุญาต. เขากราบ