เมนู

ส่วนผู้ที่ตั้งอยู่ในความไม่เบียดเบียนมหาชนจึงจะชื่อว่าอริยะ" ดังนี้ แล้ว
ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
9. น เตน อริโย โหติ เยน ปาณาติ หึสติ
อหึสา สพฺพปาณานํ อริโยติ ปวุจฺจติ.

"บุคคลไม่ชื่อว่าเป็นอริยะ เพราะเหตุที่เบียด-
เบียนสัตว์; บุคคลที่เรากล่าวว่า ' เป็นอริยะ' เพราะ
ไม่เบียดเบียนสัตว์ทั้งปวง."

แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อหึสา ความว่า เพราะไม่เบียดเบียน.
มีคำอธิบายไว้เช่นนี้ว่า: " บุคคลไม่เป็นผู้ชื่อว่าอริยะ เพราะเหตุที่
เบียดเบียนสัตว์ทั้งหลาย; ส่วนผู้ใดตั้งอยู่ไกลจากความเบียดเบียน เพราะ
ไม่เบียดเบียนสัตว์ทั้งปวงด้วยฝ่ามือเป็นต้น คือเพราะความที่ตนตั้งอยู่แล้ว
ในภาวนาเมตตาเป็นต้น, ผู้นี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกว่า ' อริยะ."
ในกาลจบเทศนา พรานเบ็ดตั้งอยู่ในโสดาปัตติผลแล้ว. เทศนาได้
มีประโยชน์แม้แก่บุคคลผู้ประชุมกันแล้ว ดังนี้แล.
เรื่องพรานเบ็ดชื่ออริยะ จบ.

10. เรื่องภิกษุมากรูป [203]



ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภภิกษุมากรูป
ผู้ถึงพร้อมด้วยคุณมีศีลเป็นต้น ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "น สีลพฺ-
พตมตฺเตน"
เป็นต้น.
ได้ยินว่า บรรดาภิกษุเหล่านั้น บางพวกได้มีความคิดอย่างนี้ว่า
" พวกเรามีศีลสมบูรณ์แล้ว, พวกเราทรงซึ่งธุดงค์, พวกเราเป็นพหูสูต,
พวกเราอยู่ในเสนาสนะอันสงัด, พวกเราได้ฌาน, พระอรหัตพวกเราได้
ไม่ยาก, พวกเราจักบรรลุพระอรหัต ในวันที่พวกเราปรารถนานั่นเอง."
บรรดาภิกษุเหล่านั้น แม้ภิกษุผู้เป็นอนาคามีได้มีความคิดเช่นนี้ว่า " บัดนี้
พระอรหัตพวกเราได้ไม่ยาก. วันหนึ่ง ภิกษุเหล่านั้นแม้ทั้งหมดเข้าไปเฝ้า
พระศาสดา ถวายบังคมแล้วนั่งอยู่ อันพระศาสดาตรัสถามว่า " ภิกษุ
ทั้งหลาย กิจแห่งบรรพชิตของพวกเธอถึงที่สุดแล้วหรือหนอ ?" ต่างก็
กราบทูลอย่างนี้ว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกข้าพระองค์เห็นปานนี้นี้;
เพราะฉะนั้น พวกข้าพระองค์จึงคิดว่า ' พวกเราสามารถเพื่อบรรลุพระ-
อรหัตในขณะที่ปรารถนาแล้ว ๆ นั่นเอง' ดังนี้แล้วอยู่."
พระศาสดาทรงสดับถ้อยคำของภิกษุเหล่านั้นแล้ว ตรัสว่า " ภิกษุ
ทั้งหลาย ชื่อว่าภิกษุจะเห็นว่า ' ทุกข์ในภพของพวกเราน้อย, ด้วยคุณ
สักว่าความเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์เป็นต้น หรือด้วยคุณสักว่าความสุขของพระ-
อนาคามีไม่ควร, และยังไม่ถึงความสิ้นอาสวะ ไม่พึงให้ความคิดเกิดขึ้นว่า
' เราถึงสุขแล้ว " ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า :-