เมนู

แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อุชฺฌานสญฺญิโน ความว่า บรรดา
ธรรมทั้งหลายมีฌานเป็นต้น ธรรมแม้อย่างหนึ่ง ย่อมไม่เจริญแก่บุคคลผู้
ชื่อว่ามากไปด้วยการยกโทษ เพราะความเป็นผู้แส่หาโทษของชนเหล่าอื่น
ว่า "ควรนุ่งอย่างนั้น, ควรห่มอย่างนี้" เป็นต้น โดยที่แท้อาสวะทั้งหลาย
ย่อมเจริญ; เพราะเหตุนั้น บุคคลนั้น จึงชื่อว่าเป็นผู้อยู่ไกล คือแสนไกล
จากความสิ้นไปแห่งอาสวะ กล่าวคือพระอรหัต.
ในเวลาจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดา-
ปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล.
เรื่องพระอุชฌานสัญญีเถระ จบ.

12. เรื่องสุภัททปริพาชก [193]



ข้อความเบื้องต้น



พระศาสดา ผทมแล้วบนพระแท่นเป็นที่ปรินิพพาน ในสาลวัน
ของเจ้ามัลละทั้งหลาย อันเป็นที่แวะพัก ใกล้พระนครกุสินารา ทรง
ปรารภปริพาชกชื่อว่าสุภัททะ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "อากาเสว ปทํ
นตฺถิ"
เป็นต้น.

บุรพกรรมของสุภัททะ


ได้ยินว่า ในอดีตกาล สุภัททปริพชกนั้น เมื่อน้องชายให้ทานอัน
เลิศถึง 9 ครั้ง ในเพราะข้าวกล้าครั้งหนึ่ง, ไม่ปรารถนาเพื่อจะให้ ท้อถอย
แล้ว ได้ให้ในกาลเป็นที่สุด.
เพราะฉะนั้น จึงไม่ได้เพื่อจะเฝ้าพระศาสดา ทั้งในปฐมโพธิกาล
ทั้งในมัชฌิมโพธิกาล, แต่ว่าในปัจฉิมโพธิกาล ในเวลาเป็นที่ปรินิพพาน
แห่งพระศาสดา คิดว่า "เราถามความสงสัยของตน ในปัญหา 3 ข้อ
กะปริพาชกทั้งหลายซึ่งเป็นคนแก่ ไม่ถามกะพระสมณโคดม ด้วยความ
สำคัญว่า ' เป็นเด็ก,' ก็บัดนี้ เป็นกาลปรินิพพานของพระสมณโคดมนั้น,
วิปฏิสารพึงบังเกิดแก่เราในภายหลัง เพราะเหตุไม่ถามพระสมณโคดม"
แล้วเข้าไปเฝ้าพระศาสดา แม้ถูกพระอานนทเถระห้ามอยู่ เข้าไปแล้วสู่
ภายในม่าน เพราะความที่พระศาสดาทรงกระทำโอกาสแล้ว ตรัสว่า
"อานนท์ เธออย่าห้ามสุภัททะเลย, สุภัททะจงถามปัญหากะเรา" จึงนั่ง
ใกล้ข่างล่างเตียงทูลถามปัญหาเหล่านี้ว่า " ข้าแต่พระสมณะผู้เจริญ ชื่อว่า
รอยเท้าในอากาศ มีอยู่หรือหนอแล ? ชื่อว่าสมณะภายนอกแต่ศาสนานี้
มีอยู่หรือ ? สังขารทั้งหลายชื่อว่าเที่ยง มีอยู่หรือ ? "