เมนู

พวกภิกษุได้ยินคำนั้นแล้ว จึงกราบทูลแด่พระศาสดาว่า " พระเจ้าข้า
พระวังคีสเถระนี้ พยากรณ์พระอรหัตผล ด้วยคำไม่จริง."
พระศาสดาตรัสว่า " ภิกษุทั้งหลาย พวกเธออย่ากล่าวอย่างนั้น.
ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้บุตรของเราฉลาดในการจุติและปฏิสนธิแล้ว " ดังนี้
แล้ว ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า :-
36. จุตึ โย เวทิ สตฺตานํ อุปปตฺติญฺจ สพฺพโส
อสตฺตํ สุคตํ พุทฺธํ ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
ยสฺส คตึ น ชานนฺติ เทวา คนฺธพฺพมานุสา
ขีณาสวํ อรหนฺตํ ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
" ผู้ใด รู้จุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลายโดยประ-
การทั้งปวง, เราเรียกผู้นั้น ซึ่งไม่ข้อง ไปดี รู้แล้ว;
ว่าเป็นพราหมณ์. เทพยดา คนธรรพ์และหมู่มนุษย์
ย่อมไม่รู้คติของผู้ใด, เราเรียกผู้นั้น ซึ่งมีอาสวะสิ้น
แล้ว ผู้ไกลกิเลสว่า เป็นพราหมณ์."

แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น สองบทว่า โย เวทิ เป็นต้น ความว่า ผู้ใด
รู้จุติปฏิสนธิของสัตว์ทั้งหลาย โดยประการทั้งปวงอย่างแจ้งชัด1, เรา
เรียกบุคคลผู้นั้น ซึ่งชื่อว่า ไม่ข้อง เพราะความเป็นผู้ไม่เกี่ยวข้อง ชื่อว่า
ไปดีแล้ว เพราะความเป็นผู้ไปดีแล้วด้วยการปฏิบัติ ชื่อว่าผู้รู้แล้ว เพราะ
ความเป็นผู้รู้สัจจะทั้ง 4 ว่า เป็นพราหมณ์.
1. ปากฏํ กตฺวา ทำให้ปรากฏ.