เมนู

ตรัสถามว่า " นี้ (กะโหลก) ศีรษะของใคร ? " เขาเคาะ ( กะโหลก)
นั้นแล้ว ไม่รู้ที่เกิด. ทีนั้น พระศาสดาตรัสกะเขาว่า " วังคีสะ ท่าน
ไม่รู้หรือ ? " เมื่อเขากราบทูลว่า " พระเจ้าข้า ข้าพระองค์ไม่รู้ " จึง
ตรัสว่า " ฉันรู้."
วังดีสะ. พระองค์ทรงทราบด้วยอะไร ?
พระศาสดา. ทราบด้วยกำลังมนต์.
ลำดับนั้น วังคีสะทูลวิงวอนพระองค์ว่า " ขอพระองค์จงประทาน
มนต์นี้แก่ข้าพระองค์ พระศาสดาตรัสว่า " เราไม่สามารถจะให้มนต์แก่
บุคคลผู้ไม่บวชได้."

วังคีสะบวชเพื่อเรียนพุทธมนต์


เขาคิดว่า " เมื่อเราเรียนมนต์นี้แล้ว เราก็จักเป็นผู้ประเสริฐใน
ชมพูทวีปทั้งสิ้น" จึงส่งพราหมณ์เหล่านั้นไป ด้วยคำว่า " พวกท่านจง
อยู่ในที่นั้นนั่นแหละสิ้น 2- 3วัน ฉันจักบวช " แล้วได้บรรพชาอุปสมบท
ในสำนักพระศาสดา ได้เป็นผู้มีนามว่า วังคีสเถระ.
ลำดับนั้น พระศาสดาประทานกัมมัฏฐานมีอาการ 32 เป็นอารมณ์
แก่เธอแล้ว ตรัสว่า " เธอจงสาธยายบริกรรมมนต์."

พระเถระบรรลุพระอรหัต


พระวังคีสเถระนั้นสาธยายมนต์อยู่ ถูกพวกพราหมณ์ถามใน
ระหว่าง ๆ ว่า " ท่านเรียนมนต์ได้แล้วหรือยัง ? " จึงบอกว่า " พวก
ท่านจงรอก่อน ฉันกำลังเรียน" ต่อกาล 2-3 วันเท่านั้นก็ได้บรรลุพระ-
อรหัต ถูกพราหมณ์ทั้งหลายถามอีก จึงกล่าวว่า " ท่านผู้มีอายุ บัดนี้
ฉันไม่ควรเพื่อจะไป."

พวกภิกษุได้ยินคำนั้นแล้ว จึงกราบทูลแด่พระศาสดาว่า " พระเจ้าข้า
พระวังคีสเถระนี้ พยากรณ์พระอรหัตผล ด้วยคำไม่จริง."
พระศาสดาตรัสว่า " ภิกษุทั้งหลาย พวกเธออย่ากล่าวอย่างนั้น.
ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้บุตรของเราฉลาดในการจุติและปฏิสนธิแล้ว " ดังนี้
แล้ว ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า :-
36. จุตึ โย เวทิ สตฺตานํ อุปปตฺติญฺจ สพฺพโส
อสตฺตํ สุคตํ พุทฺธํ ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
ยสฺส คตึ น ชานนฺติ เทวา คนฺธพฺพมานุสา
ขีณาสวํ อรหนฺตํ ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
" ผู้ใด รู้จุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลายโดยประ-
การทั้งปวง, เราเรียกผู้นั้น ซึ่งไม่ข้อง ไปดี รู้แล้ว;
ว่าเป็นพราหมณ์. เทพยดา คนธรรพ์และหมู่มนุษย์
ย่อมไม่รู้คติของผู้ใด, เราเรียกผู้นั้น ซึ่งมีอาสวะสิ้น
แล้ว ผู้ไกลกิเลสว่า เป็นพราหมณ์."

แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น สองบทว่า โย เวทิ เป็นต้น ความว่า ผู้ใด
รู้จุติปฏิสนธิของสัตว์ทั้งหลาย โดยประการทั้งปวงอย่างแจ้งชัด1, เรา
เรียกบุคคลผู้นั้น ซึ่งชื่อว่า ไม่ข้อง เพราะความเป็นผู้ไม่เกี่ยวข้อง ชื่อว่า
ไปดีแล้ว เพราะความเป็นผู้ไปดีแล้วด้วยการปฏิบัติ ชื่อว่าผู้รู้แล้ว เพราะ
ความเป็นผู้รู้สัจจะทั้ง 4 ว่า เป็นพราหมณ์.
1. ปากฏํ กตฺวา ทำให้ปรากฏ.