เมนู

35. เรื่องภิกษุผู้เคยเป็นนักฟ้อนรูปที่ 2 [298]



ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเวฬุวัน ทรงปรารภภิกษุผู้เคยเป็น
นักฟ้อนเหมือนกันรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " หิตฺวา รติญฺจ "
เป็นต้น.

พราหมณ์ละความยินดีและไม่ยินดีได้


เรื่องเป็นเช่นเดียวกับเรื่องก่อนนั้นแล. แต่ในเรื่องนี้ พระศาสดา
ตรัสว่า " ภิกษุทั้งหลาย บุตรของเราละความยินดีและความไม่ยินดีได้
แล้ว ดำรงอยู่ " ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
35. หิตฺวา รติญฺจ อรติญฺจ สีติภูตํ นิรูปธึ
สพฺพโลกาภิภุํ วีรํ ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
" เราเรียกบุคคลนั้น ซึ่งละความยินดีและความ
ไม่ยินดีได้แล้ว ผู้เย็น ไม่มีอุปธิ ครอบงำโลกทั้งปวง
ผู้แกล้วกล้าว่า เป็นพราหมณ์."

แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า รตึ ได้แก่ ความยินดีในกามคุณ 5.
บทว่า อรตึ ได้แก่ ผู้ระอาในการอยู่ป่า.
บทว่า สีติภูตํ ได้แก่ ผู้ดับแล้ว.
บทว่า นิรูปธึ ได้แก่ ผู้ไม่มีอุปกิเลส.
บทว่า วีรํ ความว่า เราเรียกบุคคลผู้ครอบงำขันธโลกทั้งหมดได้
แล้ว ดำรงอยู่ ผู้มีความแกล้วกล้านั้น คือเห็นปานนั้นว่า เป็นพราหมณ์.

ในกาลจบเทศนา เป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดา-
ปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล.
เรื่องภิกษุผู้เคยเป็นนักฟ้อนรูปที่ 2 จบ.

36. เรื่องพระวังคีสเถระ [299]



ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระวังคีสะ-
เถระ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " จุตึ โย เวทิ " เป็นต้น.

วังคีสพราหมณ์เป็นนักทำนาย


ได้ยินว่า พราหมณ์ในกรุงราชคฤห์คนหนึ่งชื่อวังคีสะ เคาะ (กะ-
โหลก) ศีรษะของพวกมนุษย์ที่ตายแล้วกู้รู้ได้ว่า " นี้เป็นศีรษะของผู้เกิด
ในนรก, นี้เป็นศีรษะของผู้เกิดในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน, นี้เป็นศีรษะของ
ผู้เกิดในเปรตวิสัย, นี้เป็นศีรษะของผู้เกิดในมนุษยโลก, นี้เป็นศีรษะของ
ผู้เกิดในเทวโลก."
พวกพราหมณ์คิดว่า " พวกเราอาศัยวังคีสพราหมณ์นี้ ก็สามารถ
หากินกะชาวโลกได้" จึงให้เขานุ่งผ้าแดง 2 ผืนแล้วพาเที่ยวไปชนบท
กล่าวกะพวกมนุษย์ว่า " พราหมณ์ชื่อวังคีสะนั่น เคาะ (กะโหลก) ศีรษะ
ของพวกมนุษย์ที่ตายแล้ว ก็รู้จักที่เกิด, พวกท่านจงถามถึงที่พวกญาติของ
ตน ๆ เกิดแล้วเถิด."
พวกมนุษย์ให้กหาปณะ 10 บ้าง 20 บ้าง 100 บ้าง ตามกำลัง
แล้ว จึงถามถึงทีพวกญาติเกิดแล้ว. พราหมณ์เหล่านั้นถึงกรุงสาวัตถีโดย
ลำดับแล้ว ยึดอาที่พักในที่ไม่ไกลแห่งพระเชตวัน, พวกเขาเห็นมหาชน
ผู้บริโภคอาหารเช้าแล้ว มีมือถือของหอมและระเบียบดอกไม้เป็นต้น กำลัง
เดินไปเพื่อฟังธรรม จึงถามว่า " พวกท่านไปไหนกัน ?" เมื่อมหาชน
นั้นบอกว่า " ไปสู่วิหาร เพื่อฟังธรรม." จึงกล่าวว่า " พวกท่านจักไป