เมนู

วันนี้ ความทะยานอยากในภูเขาทองประมาณ 80 ศอก และในบุตร
ทั้งหลายของท่านมีอยู่หรือ ?"
พระชฎิล. ผู้มีอายุ ตัณหาหรือมานะในภูเขาทองและบุตรเหล่านั้น
ของผม ย่อมไม่มี.
ภิกษุเหล่านั้น จึงกล่าวว่า " พระชฎิลเถระนี้ พูดไม่จริง พยากรณ์
พระอรหัตผล."
พระศาสดาทรงสดับคำของภิกษุเหล่านั้นแล้ว ตรัสว่า " ภิกษุ
ทั้งหลาย ตัณหาหรือมานะในภูเขาทองและบุตรเหล่านั้นของบุตรของเรา
ย่อมไม่มี" ดังนี้แล้ว เมื่อจะทรงแสดงธรรม จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-
33. โยธ ตณฺหํ ปหนฺตฺวาน อนาคาโร ปริพฺพเช
ตณฺหาภวปริกฺขีณํ ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
" ผู้ใด ละตัณหาในโลกนี้ได้แล้ว เป็นผู้ไม่มี
เรือน เว้นเสียได้, เราเรียกผู้นั้น ซึ่งมีตัณหาและ
ภพอันสิ้นแล้วว่า เป็นพราหมณ์."

แก้อรรถ


พึงทราบเนื้อความแห่งพระคาถานั้นว่า :-
ผู้ใดละตัณหาอันเป็นไปในทวาร 6 ในโลกนี้เสียได้ เป็นผู้ไม่มี
ความต้องการอยู่ครองเรือน ชื่อว่า เป็นผู้ไม่มีเรือน เว้นเสียได้ เราเรียก
ผู้ชื่อว่า มีตัณหาและภพอันสิ้นแล้ว เพราะความที่ตัณหาและภพเป็นของ
สิ้นแล้วนั้น ว่าเป็นพราหมณ์.
ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดา-

ปัตติผลเป็นต้นดังนี้แล.1

พระเจ้าอชาตศัตรูจะยึดเอาบ้านเศรษฐี


ฝ่ายพระเจ้าอชาตศัตรูกุมารสมคบกับพระเทวทัต ปลงพระชนม์
พระราชบิดา ดำรงอยู่ในราชสมบัติแล้ว ทรงดำริว่า " เราจักยึดเอา
ปราสาทของโชติกเศรษฐี" จึงทรงเตรียมการรบแล้วเสด็จออกไป พอ
ทอดพระเนตรเห็นพระฉายของพระองค์พร้อมด้วยบริวารที่กำแพงแก้ว
เข้าพระทัยว่า " คฤหบดี เป็นผู้เตรียมการรบคุมพลออกมาแล้ว " จึง
ไม่ทรงสามารถจะเสด็จเข้าไปได้.
ในวันนั้น แม้เศรษฐีเป็นผู้รักษาอุโบสถ บริโภคอาหารเช้าแต่
เช้าตรู่ ไปสู่วิหาร นั่งฟังธรรมอยู่ในสำนักของพระศาสดา.
ส่วนยักษ์ชื่อยมโมลี ผู้ยึดการรักษายืนอยู่ที่ซุ้มประตูที่ 1 เห็น
พระเจ้าอชาตศัตรูนั้น จึงถามว่า " ท่านจะไปไหน ?" แล้วกำจัดพระเจ้า
อชาตศัตรูพร้อมด้วยราชบริพาร ติดตามไปในทิศใหญ่ทิศน้อยทั้งหลาย
พระราชาได้เสด็จไปสู่วิหารแล้วเหมือนกัน.
ครั้งนั้น เศรษฐีพอเห็นท้าวเธอ จึงทูลว่า " เรื่องอะไรกัน ?
พระเจ้าข้า " ได้ลุกขึ้นจากอาสนะ ยืนอยู่แล้ว.
พระราชา. คฤหบดี ท่านบังคับพวกบุรุษของท่านว่า ' จงรบกับ
เรา ' แล้วมาในที่นี้ นั่งทำเป็นเหมือนฟังธรรมอยู่หรือ ?
เศรษฐี. ก็สมมติเทพ เสด็จไปเพื่อยึดเอาเรือนของข้าพระองค์
มิใช่หรือ ?
พระราชา. เออ เราไป.
1. เบื้องหน้าแต่นี้ บัณฑิตพึงเห็นความสืบต่อด้วยเรื่องเดิม.