เมนู

แก้อรรถ


พึงทราบเนื้อความแห่งพระคาถานั้น (ดังนี้) :-
ความว่า บุคคลใด ละกามแม้ทั้งสองในโลกนี้แล้ว เป็นผู้ไม่มี
เรือน งดเว้นเสียได้, เราเรียกผู้นั้น ผู้มีกามสิ้นแล้ว และผู้มีภพสิ้นแล้ว
ว่าเป็นพราหมณ์.
ในกาลจบเทศนา พระเถระบรรลุพระอรหัตแล้ว เหาะขึ้นไปสู่เวหาส
ด้วยกำลังแห่งฤทธิ์ ทะลุมณฑลช่อฟ้าออกไปแล้ว ชมเชยพระสรีระ
พระศาสดาอยู่นั่นเทียว มาถวายบังคมพระศาสดาแล้ว.

พระศาสดาเป็นที่พึ่งของพระเถระ


ภิกษุทั้งหลาย สนทนากันแม้ในโรงธรรมว่า " ผู้มีอายุทั้งหลาย
พระสุนทรสมุทรเถระ อาศัยรสที่พึงรู้ด้วยลิ้น เกือบเสียท่า. แต่พระศาสดา
เป็นที่พึ่งของเธอ."
พระศาสดาทรงสดับกถานั้นแล้ว ตรัสว่า " ภิกษุทั้งหลาย เราเป็น
ที่พึ่งของสุนทรสมุทรนั่น แต่ในบัดนี้เท่านั้นหามิได้, แม้ในกาลก่อน เรา
ก็เป็นที่พึ่งของสุนทรสมุทรนั่น ผู้ติดอยู่ในรสตัณหาแล้วเหมือนกัน " อัน
ภิกษุเหล่านั้นทูลอ้อนวอนแล้ว ทรงนำอดีตนิทานมา เพื่อจะทรงประกาศ
เนื้อความนั้น ทรงยังวาตมิคชาดก1นี้ให้พิสดารว่า :-
" ได้ยินว่า สภาพอื่นที่เลวกว่ารสทั้งหลาย คือ
การเคยชินกัน หรือการสนิมสนมกัน ย่อมไม่มี,
คนรักษาอุทยานชื่อสญชัย ย่อมนำเนื้อสมันตัวอาศัย
อยู่ในรกชัฏ มาสู่อำนาจได้ ก็เพราะรสทั้งหลาย."

1. ขุ. ชา. เอก. 27/5. อรรถกถา. 1/277.

ดังนี้แล้ว ทรงประมวลชาดกว่า " ในกาลนั้น สุนทรสมุทรได้เป็น
เนื้อสมัน, ส่วนมหาอำมาตย์ของพระราชาผู้กล่าวคาถานี้แล้ว ให้ปล่อย
เนื้อนั้นไป ได้เป็นเรานี้เอง."
เรื่องพระสุนทรสมุทรเถระ จบ.

33.เรื่องพระโชติกเถระ [296]



ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเวฬุวัน ทรงปรารภพระโชติก-
เถระ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " โยธ ตณฺห ํ" เป็นต้น.

บุรพกรรมของสองพี่น้อง


อนุปุพพีกถาในเรื่องนั้น ดังต่อไปนี้ :-
ได้ยินว่า ในอดีตกาล กุฎุมพี 2 คนพี่น้องในกรุงพาราณสียังชน
ให้ทำไร่อ้อยไว้เป็นอันมาก.
ต่อมาวันหนึ่ง น้องชายไปยังไร่อ้อย คิดว่า " เราจักให้อ้อยลำหนึ่ง
แก่พี่ชาย ลำหนึ่งจักเป็นของเรา" แล้ว ผูกลำอ้อยทั้งสองลำในที่ ๆ ตัด
แล้ว เพื่อต้องการไม่ให้รสไหลออก ถือเอาแล้ว.
ได้ยินว่า ในครั้งนั้น กิจด้วยการหีบอ้อยด้วยเครื่องยนต์ ไม่มี
ในเวลาอ้อยลำที่เขาตัดที่ปลายหรือที่โคนแล้วยกขึ้น รส (อ้อย) ย่อมไหล
ออกเองทีเดียว เหมือนน้ำไหลออกจากธมกรกฉะนั้น. ก็ในเวลาที่เขาถือ
เอาลำอ้อยจากไร่เดินมา พระปัจเจกพุทธเจ้าที่ภูเขาคันธมาทน์ออกจาก
สมาบัติแล้ว ใคร่ครวญว่า " วันนี้ เราจักทำการอนุเคราะห์แก่ใครหนอ
แล ?" เห็นเขาเข้าไปในข่ายคือญาณของตน และทราบความที่เขาเป็นผู้
สามารถเพื่อจะทำการสงเคราะห์ได้ จึงถือบาตรและจีวรแล้ว มาด้วยฤทธิ์
ได้ยืนอยู่ข้างหน้าของเขา.

น้องชาวถวายอ้อยแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า


เขาพอเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้านั้น ก็มีจิตเลื่อมใส จึงลาดผ้าห่ม