เมนู

31. เรื่องพระสีวลีเถระ [294]



ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดา เมื่อทรงอาศัยเมืองกุณฑิโกลิยะ ประทับอยู่ในป่าชื่อ
กุณฑธาน ทรงปรารภพระสีวสีเถระ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " โย อิมํ "
เป็นต้น.

พระนางสุปปวาสาทรงอดกลั้นทุกข์ได้ด้วยวิตก 3 ข้อ


ความพิสดารว่า ในสมัยหนึ่ง พระธิดาของพระโกลิยวงศ์ พระ-
นามว่าสุปปวาสา ทรงครรภ์สิ้น 7 ปี มีครรภ์อันหลง (มาอีก) 7 วัน
ถูกทุกขเวทนากล้าเผ็ดร้อนถูกต้องแล้ว, ทรงอดกลั้นทุกข์นั้น ด้วยวิตก
3 ข้อเหล่านี้คือ " (1) พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใด ทรงแสดงธรรม
เพื่อละทุกข์แห่งรูปนี้นี่แหละ, พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เป็นผู้
ตรัสรู้เองโดยชอบหนอ; (2) พระสงฆ์สาวกใดปฏิบัติเพื่อละทุกข์แห่งรูป
นี้นี่แหละ, พระสงฆ์สาวกนั้น ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เป็น
ผู้ปฏิบัติดีแล้วหนอ; (3) ทุกข์เห็นปานนี้ " ไม่มีในพระนิพพานใด.
พระนิพพานนั้น เป็นสุขดีหนอ" ดังนี้แล้ว ทรงส่งพระสวามีไปสู่สำนัก
ของพระศาสดา, เมื่อพระสวามีนั้น กราบทูลการถวายบังคมแด่พระศาสดา
ตามคำของพระนางแล้ว, ในขณะที่พระศาสดาตรัสว่า " พระธิดาโกลิยวงศ์
พระนามว่าสุปปวาสาจงเป็นผู้มีสุข ไม่มีโรค, ประสูติพระโอรสซึ่งหาโรค
มิได้เถิด " ดังนี้นั่นแหละ เป็นผู้สบาย หายพระโรค ประสูติพระโอรส
ผู้หาโรคมิได้แล้ว ทรงนิมนต์ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข แล้วได้
ทรงถวายมหาทาน สิ้น 7 วัน.

พระโอรสได้บรรลุพระอรหัต


แม้พระโอรสของพระนาง ถือเอาธมกรกกรองน้ำถวายพระสงฆ์ได้
จำเดิมแต่วันที่ประสูติแล้ว. ในกาลต่อมา พระโอรสนั้นเสด็จออกบรรพชา
แล้วบรรลุพระอรหัต.
ต่อมาวันหนึ่ง พวกภิกษุสนทนากันในโรงธรรมว่า " ผู้มีอายุ
ทั้งหลาย พวกท่านจงดู:. ภิกษุผู้ถึงพร้อมด้วยอุปนิสัยแห่งพระอรหัตชื่อ
เห็นปานนี้ ยังเสวยทุกข์ในท้องของมารดาตลอดกาล ประมาณเท่านี้,
จะป่วยกล่าวไปไยเล่าถึงชนเหล่าอื่น; ทุกข์เป็นอันมากหนอ อันภิกษุนี้
ถอนแล้ว."
พระศาสดาเสด็จมาแล้ว ตรัสถามว่า " ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอ
นั่งประชุมกันด้วยกถาอะไรหนอ ? เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า " ด้วย
กถาชื่อนี้ " จึงตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย เออ บุตรของเราพ้นจากทุกข์
ประมาณเท่านี้แล้ว บัดนี้ ทำพระนิพพานให้แจ้งแล้วอยู่ " ดังนี้แล้ว
ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
31. โย อิมํ ปลิปถํ ทุคฺคํ สํสารํ โมหมฺจฺจคา
ติณฺโณ ปารคโต ฌายี อเนโช อกถงฺกถี
อนุปาทาย นิพฺพุโต ตมหํ พฺรูมิ พฺหาหฺมณํ.
" ผู้ใด ล่วงทางอ้อม หล่ม สงสาร และโมหะ
นี้ไปแล้ว เป็นผู้ข้ามไปได้ ถึงฝั่ง มีปกติเพ่ง หากิเลส
เครื่องหวั่นไหวมิได้ ไม่มีความสงสัยเป็นเหตุกล่าวว่า
อย่างไร ไม่ถือมั่น ดับแล้ว, เราเรียกผู้นั้นว่า เป็น
พราหมณ์."