เมนู

ถึงที่สุดแล้วหรือ ?" จึงบอกเรื่องนั้นทั้งหมด จำเดิมแต่การเข้าจำพรรษา
ในถ้ำนั้น แก่ภิกษุทั้งหลาย, เมื่อภิกษุทั้งหลายกล่าวว่า " ผู้มีอายุ ท่าน
ถูกเทพดาว่ากล่าวอยู่อย่างนั้น ไม่โกรธหรือ ?" กล่าวว่า " ผมไม่โกรธ. "
ภิกษุทั้งหลาย กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระตถาคตว่า " พระเจ้าข้า
ภิกษุนี้ย่อมพยากรณ์พระอรหัตผล, แม้ถูกเทพดาว่ากล่าวคำชื่อนี้อยู่ ย่อม
กล่าวได้ว่า ' เราไม่โกรธ."

ลักษณะพราหมณ์ในพระพุทธศาสนา


พระศาสดาทรงสดับถ้อยคำของพระภิกษุเหล่านั้นแล้ว ตรัสว่า " ภิกษุ
ทั้งหลาย บุตรของเราย่อมไม่โกรธเลย, เพราะขึ้นชื่อว่าความเกี่ยวข้อง
ด้วยคฤหัสถ์หรือด้วยบรรพชิตทั้งหลาย ย่อมไม่มีแก่บุตรของเรานั่น, บุตร
ของเรานั่น ไม่เกี่ยวข้อง ปรารถนาน้อย สันโดษ " ดังนี้แล้ว เมื่อจะ
ทรงแสดงธรรม จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-
21. อสํสฏฺฐํ คหฏฺเฐหิ อนาคาเรหิ จูภยํ
อโนกสารึ อปฺปิจฺฉํ ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
" เราเรียกบุคคลผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยชน 2 จำพวก
คือคฤหัสถ์ 1 บรรพชิต 1 ผู้ไม่มีอาลัยเที่ยวไป ผู้
ปรารถนาน้อยนั้นว่า เป็นพราหมณ์."

แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อสํสฏฺฐํ ความว่า ชื่อว่า ผู้ไม่เกี่ยวข้อง
เพราะความไม่มีความเกี่ยวข้องด้วยการดู การฟัง การสนทนา การบริโภค
และด้วยกาย.

บทว่า อุภยํ ได้แก่ ผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยชนแม้ 2 จำพวก คือ
คฤหัสถ์ 1 บรรพชิต 1.
บทว่า อโนกสารึ ได้แก่ ผู้ไม่มีอาลัยเที่ยวไป. อธิบายว่า เราเรียก
ผู้นั้น คือเห็นปานนั้นว่า เป็นพราหมณ์.
ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดา-
ปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล.
เรื่องพระติสสเถระผู้อยู่ในเงื้อมเขา จบ.

22. เรื่องภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง [285]



ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภภิกษุรูปใด
รูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " นิธาย " เป็นต้น.

ภิกษุเดินทางร่วมกับหญิงแม้ไม่รู้ก็มีโทษ


ได้ยินว่า ภิกษุนั้นเรียนกัมมัฏฐานในสำนักพระศาสดาแล้ว พยายาม
อยู่ในป่า บรรลุพระอรหัตแล้ว คิดว่า " เราจักกราบทูลคุณอันตนได้แล้ว
แด่พระศาสดา " จึงออกจากป่านั้น.
ครั้งนั้น หญิงคนหนึ่งในบ้านตำบลหนึ่ง ทำการทะเลาะกับสามี,
เมื่อสามีนั้นออกไปภายนอก, คิดว่า " เราจักไปสู่เรือนตระกูล " จึงเดิน
ทางไป พบภิกษุนั้นในระหว่างทาง คิดว่า " เราจักอาศัยพระเถระนี้ไป"
จึงติดตามไปข้างหลัง ๆ. แต่พระเถระไม่เห็นนาง.
ครั้งนั้น สามีของนางมาสู่เรือน ไม่เห็นนาง คิดว่า " นางจักไปสู่
บ้านแห่งตระกูลแล้ว" ติดตามไปพบนางแล้วคิดว่า " อันหญิงนี้คนเดียว
ไม่อาจเดินข้ามดงนี้ได้, มันอาศัยอะไรหนอ ? จึงไปได้" ดังนี้แล้วตรวจดู
อยู่ เห็นพระเถระแล้ว คิดว่า " พระเถระนี้จักเป็นผู้พาหญิงนี้ออกไปแล้ว"
จึงขู่พระเถระ.
ครั้งนั้น หญิงนั้นจึงกล่าวกะสามีนั้นว่า " ท่านผู้เจริญนั่น มิได้เห็น
มิได้ร้องเรียกดิฉันเลย, คุณอย่าได้ว่ากล่าวอะไร ๆ กะท่านเลย."

พระเถระถูกสามีของหญิงนั้นตีแต่ไม่โกรธ


สามีนั้น มีความโกรธเกิดขึ้นว่า " ก็เจ้าจักไม่บอกบุคคลผู้พาเจ้าไป
แก่เราหรือ ? เราจักทำกรรมอันสมควรแก่ภิกษุนี้ (แทน) ตัวเจ้าให้ได้."