เมนู

11. เรื่องกุหกพราหมณ์ [274]



ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ที่กูฏาคารศาลา ทรงปรารภกุหกพราหมณ์
ผู้มีวัตรดังค้างคาวคนหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " กินฺเต " เป็นต้น.

พราหมณ์ลวงเอาสิ่งของของชาวเมือง


ได้ยินว่า พราหมณ์นั้นขึ้นต้นกุ่มต้นหนึ่ง ใกล้ประตูพระนครเวสาลี
เอาเท้าทั้งสองเหนี่ยวกิ่งไม้ ห้อยหัวลงอยู่ กล่าวว่า " ท่านทั้งหลายจงให้
โคแดง 100 แก่เรา จงให้กหาปณะทั้งหลายแก่เรา จงให้หญิงบำเรอแก่
เรา, ถ้าท่านทั้งหลายจักไม่ให้, เราตกจากต้นกุ่มนี้ตาย จักทำพระนคร
ไม่ให้เป็นพระนคร." ในกาลเป็นที่เสด็จเข้าไปยังพระนครแม้ของพระ-
ตถาคต ผู้อันหมู่ภิกษุแวดล้อมแล้ว ภิกษุทั้งหลายเห็นพราหมณ์นั้นแล้ว
แม้ในกาลเป็นที่เสด็จออกไป ก็เห็นเขาห้อยอยู่อย่างนั้นเหมือนกัน.
ฝ่ายชาวพระนครต่างก็คิดว่า " พราหมณ์นี้ ห้อยอยู่อย่างนี้ตั้งแต่เช้า
พึงตกลง (ตา) ทำพระนครไม่ให้เป็นพระนคร" กลัวความล่มจมแห่ง
พระนคร จึงยอมรับว่า " พวกเราจะให้ของทุกอย่างที่พราหมณ์นั้นขอ"
แล้วได้ให้. เขาได้ลงรับเอาสิ่งของทั้งปวงไป.
ภิกษุทั้งหลายเห็นเขาเที่ยวไปดุจแม่โค ใกล้อุปจารแห่งวิหาร จำได้
จึงถามว่า " พราหมณ์ ท่านได้สิ่งของตามปรารถนาแล้วหรือ ?" ได้ฟังว่า
" ขอรับ กระผมได้แล้ว " จึงกราบทูลเรื่องนั้นแต่พระตถาคต ณ ภายใน
วิหาร.

พระศาสดาตรัสบุรพกรรมของพราหมณ์


พระศาสดาตรัสว่า " ภิกษุทั้งหลาย พราหมณ์นั่นเป็นโจรหลอกลวง

ในกาลนี้เท่านั้น หามิได้, ถึงในกาลก่อน ก็เป็นโจรหลอกลวงแล้วเหมือน
กัน; ก็บัดนี้ พราหมณ์นั่นย่อมหลอกลวงพาลชนได้, แต่ในกาลนั้น ไม่
อาจเพื่อหลอกลวงบัณฑิตทั้งหลายได้ " ดังนี้แล้ว อันภิกษุเหล่านั้นทูล
อ้อนวอนแล้ว ทรงนำอดีตนิทานมา (ตรัส) ว่า :-
"ในอดีตกาล ดาบสหลอกลวงรูปหนึ่ง อาศัยกาสิกคามตำบลหนึ่ง
ย่อมสำเร็จการอยู่. ตระกูลหนึ่งบำรุงเธอ คือ:- ย่อมถวายส่วนหนึ่งแม้แก่
เธอ จากของควรเคี้ยวและของควรบริโภคอันเกิดขึ้นแล้วในกลางวัน
เหมือนให้แก่บุตรของตน, เก็บส่วนอันเกิดขึ้นในตอนเย็นไว้ถวายใน
วันที่ 2.
ต่อมาวันหนึ่ง ตระกูลนั้นได้เนื้อเหี้ย (มา) ในเวลาเย็น แกงไว้
เรียบร้อยแล้ว เก็บส่วนหนึ่งจากส่วนที่แกงนั้นไว้ ถวายแก่เธอในวันที่ 2.
ดาบสพอกินเนื้อแล้ว ถูกความอยากในรสผูกพันแล้ว ถามว่า " นั่นชื่อ
เนื้ออะไร ?" ได้ฟังว่า " เนื้อเหี้ย " ดังนี้แล้ว เที่ยวไปเพื่อภิกษา รับเอา
เนยใสนมส้มและเครื่องเผ็ดร้อนเป็นต้น ไปยังบรรณศาลา แล้วเก็บไว้ ณ
ส่วนข้างหนึ่ง.
ก็พระยาเหี้ยอยู่ในจอมปลวกแห่งหนึ่ง ณ ที่ไม่ไกลแห่งบรรณศาลา.
พระยาเหี้ยมาเพื่อไหว้พระดาบสตามกาลสมควร.
ก็ในวันนั้น ดาบสนั่นคิดว่า " เราจักฆ่าเหี้ยนั้น " ดังนี้แล้ว ซ่อน
ท่อนไม้ไว้ นั่งทำที่เหมือนหลับอยู่ ณ ที่ใกล้จอมปลวกนั้น.
พระยาเหี้ย ออกจากจอมปลวกแล้ว มายยังสำนักของเธอ กำหนด
อาการได้แล้ว จึงกลับจากที่นั้น ด้วยคิดว่า " วันนี้ เราไม่ชอบใจอาการ

ของอาจารย์." ดาบสรู้ความกลับของเหี้ยนั้นแล้วขว้างท่อนไม้ไปเพื่อ
ประสงค์จะฆ่าเหี้ยนั้น. ท่อนไม้พลาดไป, พระยาเหี้ยเข้าไปสู่จอมปลวกแล้ว
โผล่ศีรษะออกหาจากจอมปลวกนั้นแล้วแลดูทางที่มา กล่าวกะดาบสว่า :-
" ข้าพเจ้า สำคัญท่านผู้ไม่สำรวมว่าเป็นสมณะ
จึงเข้าไปหาแล้ว, ท่านนั้น ย่อมไม่เป็นสมณะ โดย
ประการที่ท่านเอาไม้ประหารข้าพเจ้า; ท่านผู้มีปัญญา
ทราม ประโยชน์อะไรด้วยชฎาทั้งหลายของท่าน,
ประโยชน์อะไรด้วยผ้าที่ทำด้วยหนังสัตว์ของท่าน,
ภายในของท่านรกรุงรัง ท่านย่อมเกลี้ยงเกลาแต่ภาย
นอก."

ครั้งนั้น ดาบสเพื่อจะล่อพระยาเหี้ยนั้น ด้วยของมีอยู่ของตน จึง
กล่าวอย่างนี้ว่า :-
" เหี้ย ท่านจงกลับมา จงบริโภคข้าวสุกแห่ง
ข้าวสาลีทั้งหลาย, น้ำมันและเกลือของข้าพเจ้ามีอยู่,
ดีปลีของข้าพเจ้าก็มีเพียงพอ."

พระยาเหี้ยฟังคำนั้นแล้ว กล่าวว่า " ท่านกล่าวโดยประการใด ๆ ;
ความที่ข้าพเจ้าประสงค์เพื่อหนีไปอย่างเดียว ย่อมมีโดยประการนั้น ๆ "
ดังนี้แล้ว กล่าวคาถานี้ว่า :-
" ข้าพเจ้านั้น ยิ่งจักเข้าไปสู่จอมปลวกลึกตั้ง 100
ชั่วบุรุษ น้ำมันและเกลือของท่านจะเป็นประโยชน์
อะไร ? ดีปลีก็ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่ข้าพเจ้า."

ก็แลครั้นกล่าวอย่างนั้นแล้ว กล่าวว่า " ข้าพเจ้าได้ทำความสำคัญ
ในท่านว่าเป็นสมณะสิ้นกาลประมาณเท่านี้, บัดนี้ ท่านขว้างท่อนไม้ไป
เพราะความเป็นผู้ประสงค์จะประหารข้าพเจ้า, ท่านไม่เป็นสมณะแต่กาล
ที่ท่านขว้างท่อนไม้ไปแล้วทีเดียว, ประโยชน์อะไรด้วนชฎาทั้งหลายของ
บุคคลผู้ทรามปัญญาเช่นท่าน, ประโยชน์อะไรด้วยหนังเนื้อชื่ออชินะพร้อม
ทั้งกีบ. เพราะภายในของท่านรกรุงรัง, ท่านย่อมเกลี้ยงเกลาแต่ภายนอก
อย่างเดียวเท่านั้น."
พระศาสดา ครั้นทรงนำอดีตนิทานนี้มาแล้ว ตรัสว่า " พราหมณ์
นี้ ได้เป็นดาบสผู้หลอกลวงในกาลนั้น, ส่วนพระยาเหี้ย ได้เป็นเรานี่เอง "
ดังนี้ แล้วทรงประมวลชาดก เมื่อจะทรงแสดงเหตุแห่งดาบสนั้น ถูกเหี้ย
ตัวฉลาดข่มในกาลนั้น จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-
11. กินฺเต ชฏาหิ ทุมฺเมธ กินฺเต อชินสาฏิยา
อพฺภนฺตรนฺเต คหนํ พาหิรํ ปริมชฺชสิ.
" ผู้มีปัญญาทราม ประโยชน์อะไรด้วยชฎา
ทั้งหลายของเธอ, ประโยชน์อะไรด้วยผ้าที่ทำด้วย
หนังเนื้อชื่ออชินะของเธอ; ภายในของเธอรกรุงรัง,
เธอย่อมเกลี้ยงเกลาแต่ภายนอก. "

แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น สองบทว่า กินฺเต ชฏาหิ ความว่า ดูก่อน
ผู้ทรามปัญญา ประโยชน์อะไรด้วยชฎาเหล่านี้ แม้อันเธอเกล้าไว้ดีแล้ว
และด้วยผ้าสาฎกที่ทำด้วยหนังเนื้อชื่ออชินะนี้ พร้อมทั้งกีบอันเธอนุ่งแล้ว
ของเธอ.