เมนู

7. เรื่องพระสารีบุตรเถระ [270]



ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระสารีบุตร-
เถระ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " น พฺราหฺมณสฺส " เป็นต้น.
พระเถระถูกพราหมณ์ตี
ได้ยินว่า มนุษย์เป็นอันมากในที่แห่งหนึ่ง กล่าวคุณกถาของพระ-
เถระว่า " น่าชม พระผู้เป็นเจ้าของพวกเรา ประกอบแล้วด้วยกำลังคือ
ขันติ, เมื่อชนเหล่าอื่นด่าอยู่ก็ตาม ประหารอยู่ก็ตาม แม้เหตุสักว่าความ
โกรธ ย่อมไม่มี."
ครั้งนั้น พราหมณ์มิจฉาทิฏฐิคนหนึ่ง ถามว่า " ใครนั่น ไม่โกรธ."
พวกมนุษย์. พระเถระของพวกฉัน .
พราหมณ์. บุคคลผู้ยั่วให้ท่านโกรธ จักไม่มีกระมัง ?
พวกมนุษย์. พราหมณ์ ข้อนั้น หามีไม่.
พราหมณ์. ถ้าเช่นนั้น เราจักยั่วให้ท่านโกรธ.
พวกมนุษย์. ถ้าท่านสามารถไซร้, ก็จงยั่วให้พระเถระโกรธเถิด.
พราหมณ์นั้น คิดว่า " เอาละ, เราจักรู้กิจที่ควรทำ " ดังนี้แล้ว
เห็นพระเถระเข้าไปเพื่อภิกษา จึงเดินไปโดยส่วนข้างหลัง ได้ให้การ
ประหารด้วยฝ่ามืออย่างแรงที่กลางหลัง.
พระเถระมิได้คำนึงถึงเลยว่า " นี่ชื่ออะไรกัน" เดินไปแล้ว. ความ
เร่าร้อนเกิดขึ้นทั่วสรีระของพราหมณ์. เขาตกลงใจว่า " แหมพระผู้เป็นเจ้า
สมบูรณ์ด้วยคุณ" ดังนี้แล้ว หมอบลงแทบเท้าของพระเถระ เรียนว่า

" ขอท่านจงอดโทษแก่กระผมเถิด ขอรับ" เมื่อพระเถระกล่าวว่า " นี่
อะไรกัน ?" จึงเรียนว่า " กระผมประหารท่านเพื่อประสงค์จะทดลองดู."
พระเถระกล่าวว่า " ช่างเถิด, เราอดโทษให้ท่าน." พราหมณ์จึง
เรียนว่า " ท่านผู้เจริญ ถ้าท่านอดโทษให้กระผมไซร้." ก็ขอจงนั่งรับ
ภิกษาในเรือนของกระผมเถิด" ดังนี้แล้ว ได้รับบาตรของพระเถระ. ฝ่าย
พระเถระได้ให้บาตรแล้ว. พราหมณ์นำพระเถระไปเรือนอังคาสแล้ว.
พวกมนุษย์โกรธแล้ว ต่างก็คิดว่า " พระผู้เป็นเจ้าของพวกเราผู้หา
โทษมิได้ ถูกพราหมณ์นี้ประหารแล้ว, ความพ้นแม้จากท่อนไม้ไม่มีแก่
พราหมณ์นั้น, พวกเราจักฆ่ามันเสียในที่นี้แหละ" ดังนี้แล้ว มีก้อนดิน
และท่อนไม้เป็นต้นในมือ ได้ยืนซุ่มอยู่ที่ประตูเรือนของพราหมณ์.
พระเถระลุกขึ้นเดินไปอยู่ ได้ให้บาตรในมือของพราหมณ์.
พวกมนุษย์เห็นพราหมณ์นั้นเดินไปกับพระเถระ จึงเรียนว่า " ท่าน
ขอรับ ขอท่านจงรับบาตรของท่านแล้วให้พราหมณ์กลับเสีย" พระเถระ
กล่าวว่า " นี่เรื่องอะไรกัน ? อุบาสก."
พวกมนุษย์. พราหมณ์ประหารท่าน, พวกกระผมจักรู้กิจที่ควรทำ
แก่เขา.
พระเถระ. ก็ท่านถูกพราหมณ์นี้ประหารหรือ, หรือเราถูก ?
พวกมนุษย์. ท่านถูก ขอรับ.
พระเถระกล่าวว่า " พราหมณ์นั่นประหารเราแล้ว (แต่) ได้ขอขมา
แล้ว, พวกท่านจงไปกันเถิด " ส่งพวกมนุษย์ไปแล้ว ให้พราหมณ์กลับ
ได้ไปสู่วิหารนั่นเทียว.

ภิกษุทั้งหลายยกโทษว่า " นี่ชื่ออย่างไร ? พระสารีบุตรเถระถูก
พราหมณ์ใดประหารแล้ว ยังนั่งรับภิกษาในเรือนของพราหมณ์นั้น นั่น
แหละ มาแล้ว; จำเดิมแต่กาลที่พระเถระถูกพราหมณ์นั้นประหารแล้ว ต่อ
ไปนี้ เขาจักไม่ละอายต่อใคร ๆ, จักเที่ยวตีภิกษุทั้งหลายที่เหลือ."
พราหมณ์ไม่ควรประหารพราหมณ์
พระศาสดาเสด็จมาแล้ว ตรัสถามว่า " ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอ
นั่งประชุมกันด้วยถ้อยคำอะไรหนอ ?" เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า " ด้วย
ถ้อยคำชื่อนี้ " แล้ว, ตรัสว่า " ภิกษุทั้งหลาย พราหมณ์ชื่อว่าประหาร
พราหมณ์ ย่อมไม่มี, แต่พราหมณ์ผู้สมณะจักเป็นผู้ถูกพราหมณ์คฤหัสถ์
ประหารได้; ขึ้นชื่อว่า ความโกรธนั่นย่อมถึงความถอนขึ้นได้ ด้วย
อนาคามิมรรค" ดังนี้แล้ว เมื่อจะทรงแสดงธรรม ได้ทรงภาษิตพระคาถา
เหล่านี้ว่า :-
7. น พฺราหฺมณสฺส ปหเรยฺย นาสฺส มุญฺเจถ พฺราหฺมโณ
ธิ พฺราหฺมณสฺส หนฺตารํ ตโต ธิ ยสฺส มุญฺจติ.
น พฺราหฺมณสฺเสตทภิญฺจิ เสยฺโย
ยทานิเสโธ มนโส ปิเยหิ
ยโต ยโต หึสมโน นิวตฺตติ
ตโต ตโต สมฺมติเมว ทุกฺขํ.
" พราหมณ์ไม่ควรประหารแก่พราหมณ์ ไม่ควร
จอง (เวร) แก่เขา, น่าติเตียนพราหมณ์ผู้จอง
(เวร) ยิ่งกว่าพราหมณ์ผู้ประหารนั้น. ความเกียดกัน

ใจ จากอารมณ์อันเป็นที่รักทั้งหลายใด, ความเกียด
กันนั่น ย่อมเป็นความประเสริฐไม่น้อยแก่พราหมณ์,
ใจอันสัมปยุตด้วยความเบียดเบียน ย่อมกลับได้จาก
วัตถุใด ๆ, ความทุกข์ย่อมสงบได้เพราะวัตถุนั้น ๆ
นั้นแล."

แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปหเรยฺย ความว่า พราหมณ์ผู้ขีณาสพ
รู้อยู่ว่า " เราเป็น (พระขีณาสพ) " ไม่ควรประหารแก่พราหมณ์ขีณาสพ
หรือพราหมณ์อื่น.
สองบทว่า นาสฺส มุญฺเจถ ความว่า พราหมณ์ขีณาสพแม้นั้น ถูก
เขาประหารแล้ว ไม่ควรจองเวรแก่เขาผู้ประหารแล้วยืนอยู่, คือไม่ควร
ทำความโกรธในพราหมณ์นั้น.
บทว่า ธิ พฺราหมฺณสฺส ความว่า เราย่อมติเตียนพราหมณ์ผู้ประหาร
พราหมณ์ขีณาสพ.
บทว่า ตโต ธิ ความว่า ก็ผู้ใด ประหารตอบซึ่งเขาผู้ประหารอยู่
ชื่อว่า ย่อมจองเวรในเบื้องบนของเขา, เราติเตียนผู้จองเวรนั้น แม้กว่าผู้
ประหารนั้นทีเดียว.
สองบทว่า เอตทกิญฺจ เสยฺโย ความว่า การไม่ด่าตอบซึ่งบุคคล
ผู้ด่าอยู่ หรือการไม่ประหารตอบซึ่งบุคคลผู้ประหารอยู่ ของพระขีณาสพ
ใด, การไม่ด่าตอบหรือการไม่ประหารตอบนั่น ย่อมเป็นความประเสริฐ
ไม่ใช่น้อย คือไม่เป็นความประเสริฐที่มีประมาณน้อย แก่พราหมณ์ผู้เป็น
ขีณาสพนั้น, ที่แท้ย่อมเป็นความประเสริฐอันมีประมาณยิ่งทีเดียว.