เมนู

3. เรื่องมาร [266]



ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภมาร ตรัส
พระธรรมเทศนานี้ว่า " ยสฺส ปารํ อปารํ วา " เป็นต้น.

มารปลอมตัวทูลถามเรื่องฝั่ง


ได้ยินว่า ในวันหนึ่ง มารนั้นปลอมเป็นบุรุษคนใดคนหนึ่งเข้าไป
เฝ้าพระศาสดา แล้วทูลถามว่า " พระเจ้าข้า สถานที่อันพระองค์ตรัสว่า
' ฝั่ง ๆ;' อะไรหนอแล ? ที่ชื่อว่าฝั่งนั่น."
พระศาสดาทรงทราบว่า " นี้เป็นมาร " จึงตรัสว่า " มารผู้มีบาป
ประโยชน์อะไรของท่านด้วยฝั่ง, ฝั่งนั้น อันผู้มีราคะไปปราศแล้วทั้งหลาย
พึงถึง " ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
3. ยสฺส ปารํ อปารํ วา ปาราปารํ น วิชฺชติ
วีตทฺทรํ วิสญฺญุตฺตํ ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
" ฝั่งก็ดี ที่มิใช่ฝั่งก็ดี ฝั่งและมิใช่ฝั่งก็ดี ไม่มี
แก่ผู้ใด, เราเรียกผู้นั้น ซึ่งมีความกระวนกระวาย
ไปปราศแล้ว ผู้พราก (จากกิเลส) ได้แล้วว่า เป็น
พราหมณ์."

แก้อรรถ


อายตนะอันเป็นไปในภายใน 6 ชื่อว่า ปารํ ในพระคาถานั้น.
อายตนะอันมี ณ ภายนอก 6 ชื่อว่า อปารํ. อายตนะทั้งสองนั้น ชื่อว่า
ปาราปารํ.

บทว่า น วิชฺชติ ความว่า ฝั่งและที่มิใช่ฝั่งทั้งหมดนั่น ไม่มีแก่
ผู้ใด เพราะความไม่มีการยึดถือว่า " เรา " หรือว่า " ของเรา, " เราเรียก
ผู้นั้น ซึ่งชื่อว่ามีความกระวนกระวายไปปราศแล้ว เพราะอันไปปราศ
แห่งความกระวนกระวายคือกิเลสทั้งหลาย ผู้พรากจากกิเลสทั้งปวงได้แล้ว
ว่า เป็นพราหมณ์.
ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดา-
ปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล.
เรื่องมาร จบ.

4. เรื่องพราหมณ์คนใดคนหนึ่ง [267]



ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพราหมณ์
คนใดคนหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " ฌายึ " เป็นต้น.

พราหมณ์ทูลถามเรื่องพราหมณ์กะพระศาสดา


ได้ยินว่า พราหมณ์นั้นคิดว่า " พระศาสดา ตรัสเรียกสาวกของ
พระองค์ว่า ' พราหมณ์,' ส่วนเราเป็นพราหมณ์โดยชาติและโคตร, การ
ที่พระองค์จะตรัสเรียกเราอย่างนั้นบ้าง ควร." เขาเข้าไปเฝ้าพระศาสดา
ทูลถามเนื้อความนั้นแล้ว .
พระศาสดาตรัสว่า " เรามิได้เรียกบุคคลว่า ' พราหมณ์' ด้วยเหตุ
สักว่าชาติและโคตร, แต่เราเรียกบุคคลผู้บรรลุประโยชน์อันสูงสุดนั่นเท่า
นั้น (ว่าเป็นพราหมณ์)" ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
4. ฌายึ วิรชมาสีนํ กตกิจฺจํ อนาสวํ
อุตฺตมตฺถํ ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
" เราเรียกบุคคลผู้มีความเพ่ง ผู้ปราศจากธุลี
อยู่แต่ผู้เดียว มีกิจอันกระทำแล้ว หาอาสวะมิได้
บรรลุประโยชน์อันสูงสุดแล้วนั้นว่า เป็นพราหมณ์."

แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ฌายึ เป็นต้น ความว่า เราเรียก
บุคคลผู้เพ่งอยู่ด้วยฌาน 2 อย่าง ผู้ปราศจากธุลี ด้วยธุลีคือกาม อยู่แต่