เมนู

2. เรื่องภิกษุมากรูป [265]



ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภภิกษุมากรูป
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " ยทา ทฺวเยสุ ธมฺเมสุ " เป็นต้น.

พระสารีบุตรทูลถามปัญหาเพื่อพวกภิกษุ


ในวันหนึ่ง ภิกษุผู้อยู่ในทิศประมาณ 30 รูป มาถวายบังคมพระ-
ศาสดาแล้วนั่ง. พระสารีบุตรเถระเล็งเห็นอุปนิสัยแห่งพระอรหัตของภิกษุ
เหล่านั้นแล้ว เข้าไปเฝ้าพระศาสดา ยืนอยู่เทียว ทูลถามปัญหานี้ว่า
" พระเจ้าข้า ธรรมทั้งหลายที่พระองค์ตรัสเรียกว่า ' ธรรม 2 ประการ ๆ
ดังนี้; ธรรม 2 ประการนี้เป็นไฉนหนอแล ?"
ทีนั้น พระศาสดาตรัสกะท่านว่า " สารีบุตร สมถะและวิปัสสนา
เรียกว่าธรรม 2 ประการแล" ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
2. ยทา ทฺวเยสุ ธมฺเมสุ ปารคู โหติ พฺราหฺมโณ
อถสฺส สพฺเพ สํโยคา อตฺถํ คจฺฉนฺติ ชานโต.
" ในกาลใด พราหมณ์เป็นผู้ถึงฝั่งในธรรมสอง
ในกาลนั้น กิเลสเครื่องประกอบทั้งปวงของพราหมณ์
ผู้รู้อยู่ ย่อมถึงความตั้งอยู่ไม่ได้."

แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ยทา เป็นต้น ความว่า ในกาลใด
พระขีณาสพนี้เป็นผู้ถึงฝั่ง ในธรรมคือสมถะและวิปัสสนา อันตั้งอยู่โดย
ส่วน 2 ด้วยอำนาจแห่งการถึงฝั่งคืออภิญญาเป็นต้น, ในกาลนั้นกิเลส

เครื่องประกอบทั้งหลาย มีกิเลสเครื่องประกอบคือกามเป็นต้นทั้งปวง ซึ่ง
สามารถเพื่อประกอบไว้ในวัฏฏะของพระขีณาสพนั้น ผู้รู้อยู่อย่างนี้ ย่อม
ถึงความตั้งอยู่ไม่ได้ คือความสิ้นไป.
ในกาลจบเทศนา ภิกษุเหล่านั้นแม้ทั้งหมด ตั้งอยู่ในพระอรหัต
แล้ว ดังนี้แล.
เรื่องภิกษุมากรูป จบ.

3. เรื่องมาร [266]



ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภมาร ตรัส
พระธรรมเทศนานี้ว่า " ยสฺส ปารํ อปารํ วา " เป็นต้น.

มารปลอมตัวทูลถามเรื่องฝั่ง


ได้ยินว่า ในวันหนึ่ง มารนั้นปลอมเป็นบุรุษคนใดคนหนึ่งเข้าไป
เฝ้าพระศาสดา แล้วทูลถามว่า " พระเจ้าข้า สถานที่อันพระองค์ตรัสว่า
' ฝั่ง ๆ;' อะไรหนอแล ? ที่ชื่อว่าฝั่งนั่น."
พระศาสดาทรงทราบว่า " นี้เป็นมาร " จึงตรัสว่า " มารผู้มีบาป
ประโยชน์อะไรของท่านด้วยฝั่ง, ฝั่งนั้น อันผู้มีราคะไปปราศแล้วทั้งหลาย
พึงถึง " ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
3. ยสฺส ปารํ อปารํ วา ปาราปารํ น วิชฺชติ
วีตทฺทรํ วิสญฺญุตฺตํ ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
" ฝั่งก็ดี ที่มิใช่ฝั่งก็ดี ฝั่งและมิใช่ฝั่งก็ดี ไม่มี
แก่ผู้ใด, เราเรียกผู้นั้น ซึ่งมีความกระวนกระวาย
ไปปราศแล้ว ผู้พราก (จากกิเลส) ได้แล้วว่า เป็น
พราหมณ์."

แก้อรรถ


อายตนะอันเป็นไปในภายใน 6 ชื่อว่า ปารํ ในพระคาถานั้น.
อายตนะอันมี ณ ภายนอก 6 ชื่อว่า อปารํ. อายตนะทั้งสองนั้น ชื่อว่า
ปาราปารํ.