เมนู

พราหมณ์ถวายภัตแด่พระศาสดา


ธรรมดาว่า พระพุทธเจ้าทั้งหลายยังไม่ได้ทรงแสดงพระองค์แก่ชน
ทั้งหลายผู้ถึงพร้อมแล้วด้วยเหตุ ในบ้านหรือในป่าแล้ว ย่อมไม่เสด็จหลีก
ไป. แม้พราหมณ์เห็นพระศาสดาแล้ว จึงพูดว่า " นางผู้เจริญ หล่อน
ไม่บอกพระราชบุตรผู้เสด็จมาประทับยืนอยู่ที่ประตูแก่เรา ให้เราฉิบหาย
เสียแล้ว, หล่อนทำกรรมหนัก" ดังนี้แล้ว ก็ถือเอาภาชนะแห่งโภชนะที่
ตนบริโภคแล้วครั้งหนึ่ง ไปยังสำนักพระศาสดา แล้วกราบทูลว่า " ข้าแต่
พระโคดมผู้เจริญ ข้าพระองค์ถวายทานอันเลิศในฐานะทั้ง 4 แล้ว จึง
บริโภค; แต่ส่วนแห่งภัตส่วนหนึ่งเท่านั้น อันข้าพระองค์แบ่งครึ่งจาก
ส่วนนี้บริโภค, ส่วนแห่งภัตส่วนหนึ่งยังเหลืออยู่; ขอพระองค์ได้โปรด
รับภัตส่วนนี้ของข้าพระองค์เถิด."

พราหมณ์เลื่อมใสพระดำรัสของพระศาสดา


พระศาสดาไม่ตรัสว่า " เราไม่มีความต้องการด้วยภัตอันเป็นเดน
ของท่าน" ตรัสว่า " พราหมณ์ ส่วนอันเลิศก็ดี ภัตที่ท่านแบ่งครึ่งบริโภค
แล้วก็ดี เป็นของสมควรแก่เราทั้งนั้น, แม้ก้อนภัตที่เป็นเดน เป็นของ
สมควรแก่เราเหมือนกัน, พราหมณ์ เพราะพวกเราเป็นผู้อาศัยอาหารที่
ผู้อื่นให้เลี้ยงชีพ เป็นเช่นกับพวกเปรต" แล้วตรัสพระคาถานี้ว่า:-
" ภิกษุผู้อาศัยอาหารที่บุคคลอื่นให้เลี้ยงชีพ ได้
ก้อนภัตอันใดจากส่วนที่เลิศก็ตาม จากส่วนปาน
กลางก็ตาม จากส่วนที่เหลือก็ตาม. ภิกษุนั้นเป็นผู้
ไม่ควรเพื่อชมก้อนภัตนั้น, และไม่เป็นผู้ติเตียน

แล้ว ขบฉันก้อนภัตนั้น, ธีรชรทั้งหลายย่อมสรร-
เสริญแม้ซึ่งภิกษุนั้นว่า เป็นมุนี."

พราหมณ์พอได้ฟังพระคาถานั้น ก็เป็นผู้มีจิตเลื่อมใส แล้วคิดว่า
" โอ ! น่าอัศจรรย์จริง, พระราชบุตรผู้ชื่อว่าเจ้าแห่งดวงประทีป มิได้
ตรัสว่า ' เราไม่มีความต้องการด้วยภัตอันเป็นเดนของท่าน' ยังตรัสอย่าง
นั้น " แล้วยืนอยู่ที่ประตูนั่นเอง ทูลถามปัญหากะพระศาสดาว่า " ข้าแต่
พระโคดมผู้เจริญ พระองค์ตรัสเรียกพวกสาวกของพระองค์ว่า ' ภิกษุ '
ด้วยเหตุเพียงเท่าไร ? บุคคลชื่อว่า เป็นภิกษุ."

คนผู้ไม่กำหนัดไม่ติดในนามรูปชื่อว่าภิกษุ


พระศาสดาทรงใคร่ครวญว่า " ธรรมเทศนาเช่นไรหนอ ? จึงจะ
เป็นเครื่องสบายแก่พราหมณ์นี้" ทรงดำริว่า " ชนทั้งสองนี้ ในกาล
ของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่ากัลสป ได้ฟังคำของภิกษุทั้งหลายผู้กล่าว
อยู่ว่า ' นามรูป,' การที่เราไม่ละนามรูปแหละ แล้วแสดงธรรมแก่ชน
ทั้งสองนั้น ย่อมควร" แล้วจึงตรัสว่า " พราหมณ์ บุคคลผู้ไม่กำหนัด
ไม่ข้องอยู่ในนามรูป ชื่อว่า เป็นภิกษุ " ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
6. สพฺพโส นามรูปสฺมึ ยสฺส นตฺถิ มมายิตํ
อสตา จ น โสจติ ส เว ภิกฺขูติ วุจฺจติ.
" ความยึดถือในนามรูปว่าเป็นของ ๆ เรา ไม่มี
แก่ผู้ใดโดยประการทั้งปวง, อนึ่ง ผู้ใดไม่เศร้าโศก
เพราะนามรูปนั้นไม่มีอยู่, ผู้นั้นแล เราเรียกว่า
ภิกษุ."