เมนู

4. เรื่องพระธรรมารามเถระ [255]



ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระธรรมา-
รามเถระ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " ธมฺมารโม ธมฺมรโต" เป็นต้น.

พระภิกษุปรึกษาเรื่องปรินพพานของพระศาสดา


ดังได้สดับมา เมื่อพระศาสดาตรัสบอกว่า " การปรินิพพานของ
เราจักมีโดยล่วงไป 4 เดือน ตั้งแต่เดือนนี้ , " ภิกษุหลายพันรูปเที่ยวแวด
ล้อมพระศาสดาแล้ว.
บรรดาภิกษุเหล่านั้น ภิกษุผู้ยังเป็นปุถุชน ไม่อาจเพื่อจะอดกลั้น
น้ำตาไว้ได้. ธรรมสังเวชเกิดแก่ภิกษุผู้ขีณาสพแล้ว . ภิกษุทั้งปวงปรึกษา
กันว่า " เราจักทำอย่างไรหนอแล ?" ดังนี้แล้ว ก็เที่ยวไปโดยรวมกัน
เป็นพวกๆ.

พระธรรมารามะไม่เกี่ยวข้องด้วย


ส่วนภิกษุรูปหนึ่ง ชื่อว่าธรรมารามะ ไม่เข้าไปสู่สำนักของภิกษุ
ทั้งหลาย, อันภิกษุทั้งหลายพูดว่า "อย่างไร ? ผู้มีอายุ ก็ไม่ให้แม้คำตอบ
คิดว่า " ข่าวว่า พระศาสดาจักปรินิพพานโดยล่วงไป เตือน 4 เดือน, ส่วนเรา
เป็นผู้มีราคะยังไม่ไปปราศแล้ว เมื่อพระศาสดายังทรงพระชนม์อยู่นี้แหละ
จักพยายามบรรลุพระอรหัต" ดังนี้แล้ว ก็เป็นผู้ ๆ เดียวเท่านั้นอยู่ นึก
คิด ระลึก ถึงธรรมที่พระศาสดาทรงแสดงแล้ว. ภิกษุทั้งหลายกราบทูล
(เรื่องนั้น) แต่พระตถาคตว่า "พระเจ้าข้า พระธรรมรามะมิได้มีแม้สักว่า
ความเยื่อใยในพระองค์ ไม่ทำแม้สักว่าการปรึกษากับพวกข้าพระองค์ว่า

" ข่าวว่า พระศาสดาจักปรินิพพาน, พวกเราจักทำ อย่างไรกันเล่า ?"

พระศาสนารับสั่งให้หาตัว


พระศาสดารับสั่งให้เรียกเธอมาแล้ว ตรัสถามว่า " ข่าวว่า เธอทำ
อย่างนั้น จริงหรือ ?"
พระธรรมารามะ. จริง พระเจ้าข้า.
พระศาสดา. เพราะเหตุอะไร ?.
พระธรรมารามะ. ข่าวว่า พระองค์จักปรินิพพานโดยกาลล่วงไป
เดือน, ส่วนข้าพระองค์ เป็นผู้มีราคะไม่ไปปราศ, เมื่อพระองค์ยังทรง
พระชนม์อยู่นี้แหละ, ข้าพระองค์จักพยายามบรรลุพระอรหัต เพราะเหตุ
นั้น ข้าพระองค์จึงนึก คิด ระลึก ถึงธรรมที่พระองค์ทรงแสดงแล้วอยู่.

พระศาสดาทรงอนุโมทนาด้วย


พระศาสดาประทานสาธุการแก่เธอว่า " ดีละ ๆ" แล้วตรัสว่า
" ภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุผู้มีความรักใคร่ในเราแม้รูปอื่น พึงเป็นเช่นภิกษุ
ธรรมารามะนี้แหละ, แท้จริง ภิกษุทั้งหลาย เมื่อทำการบูชาด้วยระเบียบ
และของหอมเป็นต้น หาชื่อว่าทำการบูชาแก่เราไม่, ผู้ปฏิบัติธรรมสมควร
แก่ธรรมเท่านั้น จึงชื่อว่าบูชาเรา," ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
4. ธมฺมาราโม ธมฺมรใต ธมฺมํ อนุวิจินฺตยํ
ธมฺมํ อนุสฺสรํ ภิกฺขุ สทฺธมฺมา น ปริหายติ.
" ภิกษุมีธรรมเป็นที่มายินดี ยินดีแล้วในธรรม
ใคร่ครวญอยู่ซึ่งธรรม ระลึกถึงธรรมอยู่ ย่อมไม่เสื่อม
จากพระสัทธรรม."