เมนู

" เต่าเปล่งวาจา ได้ฆ่าตนแล้วหนอ, เมื่อท่อน
ไม้ที่ตนคาบไว้ดีแล้ว, ก็ฆ่า (ตน) ด้วยวาจาอันเป็น
ของ ๆ ตน. ข้าแต่พระองค์ผู้แกล้วกล้าประเสริฐใน
หมู่คน บุคคลเห็นเหตุแม้นั่นแล้ว ควรเปล่งวาจาที่ดี
ไม่ควรเปล่งวาจาที่ล่วงเลยเวลา. พระองค์ย่อม
ทอดพระเนตรเห็นเต่าตัวถึงความฉิบหายเพราะพูดมาก
(มิใช่หรือ)"

แล้วตรัสว่า " ภิกษุทั้งหลาย ธรรมดาภิกษุพึงเป็นผู้สำรวมปากประพฤติ
สม่ำเสมอ ไม่ฟุ้งซ่าน มีจิตสงบ " ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
3.โย มุขสญฺญโต ภิกฺขุ มนฺตภาณี อนุทฺธโต
อตฺถํ ธมฺมญฺจ ทีเปติ มธุรํ ตสฺส ภาสิตํ.
" ภิกษุใด สำรวมปาก มีปกติกล่าวด้วยปัญญา
ไม่ฟุ้งซ่าน แสดงอรรถและธรรม, ภาษิตของภิกษุ
นั้น ย่อมไพเราะ."

แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า มุขสญฺญโต ความว่า ชื่อว่าผู้สำรวม
แล้วด้วยปาก เพราะไม่พูดคำเป็นต้นว่า " เจ้าเป็นคนชาติชั่ว เจ้าเป็นคน
ทุศีล" แม้กะคนทั้งหลายมีทาสและคนจัณฑาลเป็นต้น.
บทว่า มนฺตภาณ ความว่า ปัญญา พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียก
ว่า มันตา, ผู้มีปกติพูดด้วยปัญญานั้น.
บทว่า อนุทฺธโต ได้แก่ ผู้มีจิตสงบแล้ว.

บาทพระคาถาว่า อตฺถํ ธมฺมญฺจ ทีเปติ ความว่า ย่อมแสดง
อรรถแห่งภาษิตและธรรมคือเทศนา.
บทว่า มธุรํ ความว่า ภาษิตของภิกษุเห็นปานนั้น ชื่อว่าไพเราะ.
ส่วนภิกษุใด ให้อรรถอย่างเดียวถึงพร้อม, ไม่ให้พระบาลีถึงพร้อม;
ให้พระบาลีอย่างเดียวถึงพร้อม, ไม่ให้อรรถถึงพร้อม; ก็หรือไม่ให้ทั้ง
สองอย่างถึงพร้อม, ภาษิตของภิกษุนั้น หาชื่อว่าเป็นภาษิตที่ไพเราะไม่.
ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดา-
ปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล.
เรื่องภิกษุชื่อโกกาลิกะ จบ.

4. เรื่องพระธรรมารามเถระ [255]



ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระธรรมา-
รามเถระ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " ธมฺมารโม ธมฺมรโต" เป็นต้น.

พระภิกษุปรึกษาเรื่องปรินพพานของพระศาสดา


ดังได้สดับมา เมื่อพระศาสดาตรัสบอกว่า " การปรินิพพานของ
เราจักมีโดยล่วงไป 4 เดือน ตั้งแต่เดือนนี้ , " ภิกษุหลายพันรูปเที่ยวแวด
ล้อมพระศาสดาแล้ว.
บรรดาภิกษุเหล่านั้น ภิกษุผู้ยังเป็นปุถุชน ไม่อาจเพื่อจะอดกลั้น
น้ำตาไว้ได้. ธรรมสังเวชเกิดแก่ภิกษุผู้ขีณาสพแล้ว . ภิกษุทั้งปวงปรึกษา
กันว่า " เราจักทำอย่างไรหนอแล ?" ดังนี้แล้ว ก็เที่ยวไปโดยรวมกัน
เป็นพวกๆ.

พระธรรมารามะไม่เกี่ยวข้องด้วย


ส่วนภิกษุรูปหนึ่ง ชื่อว่าธรรมารามะ ไม่เข้าไปสู่สำนักของภิกษุ
ทั้งหลาย, อันภิกษุทั้งหลายพูดว่า "อย่างไร ? ผู้มีอายุ ก็ไม่ให้แม้คำตอบ
คิดว่า " ข่าวว่า พระศาสดาจักปรินิพพานโดยล่วงไป เตือน 4 เดือน, ส่วนเรา
เป็นผู้มีราคะยังไม่ไปปราศแล้ว เมื่อพระศาสดายังทรงพระชนม์อยู่นี้แหละ
จักพยายามบรรลุพระอรหัต" ดังนี้แล้ว ก็เป็นผู้ ๆ เดียวเท่านั้นอยู่ นึก
คิด ระลึก ถึงธรรมที่พระศาสดาทรงแสดงแล้ว. ภิกษุทั้งหลายกราบทูล
(เรื่องนั้น) แต่พระตถาคตว่า "พระเจ้าข้า พระธรรมรามะมิได้มีแม้สักว่า
ความเยื่อใยในพระองค์ ไม่ทำแม้สักว่าการปรึกษากับพวกข้าพระองค์ว่า