เมนู

ได้เป็นกัสสปเถระ, อุปราช ได้เป็นนันทบัณฑิต,
พระมเหสี ได้เป็นมารดาของราหุล, พระชนนี ได้
เป็นพระนางมายาเทวี, พระเจ้ากุรุ ได้เป็นพระโพธิ-
สัตว์; พวกเธอจงจำชาดกไว้ด้วยอาการอย่างนี้"

ดังนี้แล้ว ตรัสว่า " ภิกษุ บัณฑิตในครั้งก่อน เมื่อความรำคาญ
แม้มีประมาณน้อยเกิดขึ้นแล้ว, ทำศีลเภทของตนให้เป็นเครื่องรังเกียจแล้ว
อย่างนี้, ส่วนเธอ บวชในศาสนาของพระพุทธเจ้าผู้เช่นกับด้วยเรา ยัง
ทำปาณาติบาตอยู่ (นับว่า) ได้ทำกรรมอันหนักยิ่งนัก; ธรรมดาภิกษุ ควร
เป็นผู้สำรวมด้วยมือ เท้า และวาจา" ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
2. หตฺถสญฺญโต ปาทสญฺญโต
วาจาย สญฺญโต สญฺตตฺตโม
อชฺฌตฺตรโต สมาหิโต
เอโก สนฺตุสิโต ตมาหุ ภิกขุ.
" บัณฑิตทั้งหลาย กล่าวบุคคลผู้มีมือสำรวม
แล้ว มีเท้าสำรวมแล้ว มีวาจาสำรวมแล้ว มีตน
สำรวมแล้ว ยินดีในธรรมอันเป็นไปภายใน มีจิต
ตั้งมั่นแล้ว เป็นคนโดดเดี่ยว สันโดษว่า " เป็น
ภิกษุ."

แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า หตฺถสญฺญโต ความว่า ชื่อว่าผู้มีมือ
อันสำรวมแล้ว เพราะความไม่มีการคะนองมือเป็นต้น* หรือการประหาร
สัตว์เหล่าอื่นเป็นต้นด้วยมือ.
1. การยังมือให้เล่นเป็นต้น.

นัยแม้ในบทที่สอง ก็เหมือนนัยนี้.
ก็ชื่อว่าผู้มีวาจาอันสำรวมแล้ว เพราะไม่ทำวจีทุจริต มีพูดเท็จทาง
วาจาเป็นต้น.
บทว่า สญฺญตตฺตโม คือผู้มีอัตภาพอันสำรวมแล้ว, อธิบายว่า ผู้
ไม่ทำอาการแปลก มีโคลงกาย สั่นศีรษะ และยักคิ้ว เป็นต้น.
บทว่า อชฺฌตฺตรโต ความว่า ผู้ยินดีในการเจริญกัมมัฏฐาน
กล่าวคือโคจรธรรมอันเป็นไป ณ ภายใน.
บทว่า สมาหิโต คือ ผู้มีจิตตั้งมั่นด้วยดีแล้ว.
สองบทว่า เอโก สนฺตุสิโต ความว่า เป็นผู้มีปกติอยู่ผู้เดียวยินดี
แล้วด้วยดี คือมีใจยินดีแล้วด้วยอธิคมแห่งตน จำเดิมแต่การประพฤติใน
วิปัสสนา. จริงอยู่ พระเสขบุคคลแม้ทุกจำพวก ตั้งต้นแต่กัลยาณปุถุชน
ย่อมยินดีด้วยอธิคมแห่งตน เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่าผู้สันโดษ, ส่วนพระ-
อรหันต์ เป็นผู้ยินดีแล้วโดยส่วนเดียวแล; พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงหมาย
เอาพระอรหันต์นั้น จึงตรัสคำนั่นว่า " เอโก สนฺตุสิโต. "
ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดา-
ปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล.
เรื่องภิกษุฆ่าหงส์ จบ.

3. เรื่องภิกษุชื่อโกกาลิกะ [254]



ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภภิกษุชื่อ
โกกาลิกะ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " โย มุขสญฺญโต " เป็นต้น.

พระโกกาลิกะเกิดในนรกเพราะด่าพระอัครสาวก


เรื่องมาแล้วในพระสูตรว่า1 " ครั้งนั้นแล ภิกษุชื่อโกกาลิกะ ได้
เข้าไปเฝ้าโดยสถานที่ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ " เป็นต้น. แม้เนื้อ
ความแห่งเรื่องนั้น บัณฑิตพึงทราบโดยนัยที่พระอรรถกถาจารย์กล่าวไว้
แล้วในอรรถกถานั่นแล.ท
ก็เมื่อพระโกกาลิกะเกิดในปทุมนรก, ภิกษุทั้งหลายสนทนากันใน
โรงธรรมว่า " โอ ! ภิกษุชื่อโกกาลิกะ ถึงความพินาศแล้ว เพราะอาศัย
ปากของตน, ก็เมื่อเธอด่าพระอัครสาวกทั้งสองอยู่นั้นแล, แผ่นดินได้ให้
ช่องแล้ว."
พระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสถามว่า " ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอนั่ง
ประชุมกันด้วยกถาอะไร ในกาลบัดนี้ ?" เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า
" ด้วยกถาชื่อนี้," จึงตรัสว่า " ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุชื่อโกกาลิกะ ฉิบหาย
เพราะอาศัยปากของตนในบัดนี้เท่านั้น หามิได้, แม้ในกาลก่อน โกกาลิกะ
ก็ฉิบหายแล้วเพราะอาศัยปากของตนเหมือนกัน" อันภิกษุทั้งหลายผู้ใคร่
จะสดับเนื้อความนั้นทูลอ้อนวอนแล้ว เพื่อจะทรงประกาศเนื้อความนั้น
ได้ทรงนำอดีตนิทานมา (ตรัส) ว่า:-
1. สํ. ส. 15/219. ขุ. สุ. 25/458.