เมนู

ผมเป็นผู้กระสัน," จึงนำไปสู่สำนักพระอาจารย์และอุปัชฌายะ. อาจารย์
และอุปัชฌาย์แม้เหล่านั้น ก็นำภิกษุนั้นไปสู่สำนักพระศาสดา กราบทูล
ความนั้นแล้ว.

พระศาสดาทรงแสดงบุรพกรรมของภิกษุหนุ่มนั้น


พระศาสดาตรัสถามว่า " ภิกษุ นัยว่า เธอเป็นผู้กระสันจริงหรือ ?"
เมื่อภิกษุนั้นทูลว่า " จริง " จึงตรัสว่า " ภิกษุ เหตุไร ? เธอบวชใน
ศาสนาของพระพุทธเจ้า ผู้ปรารภความเพียรเช่นดังเรา จึงไม่ให้เขาเรียก
ตนว่า ' พระโสดาบัน ' หรือ ' พระสกทาคามี ' กลับให้เขาเรียกว่า
' เป็นผู้กระสัน ' ได้, เธอทำกรรมหนักเสียแล้ว" จึงทรงซักถามว่า
" เพราะเหตุไร ? เธอจึงเป็นผู้กระสัน " เมื่อภิกษุนั้นทูลว่า " ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ หญิงคนหนึ่ง พูดกะข้าพระองค์อย่างนี้," จึงตรัสว่า
" ภิกษุ กิริยาของนางนั่น ไม่น่าอัศจรรย์: เพราะในกาลก่อน นางละบัณฑิต
ผู้เลิศในชมพูทวีปทั้งสิ้นแล้ว ยังความสิเนหาในบุรุษคนหนึ่ง ซึ่งตนเห็น
ครู่เดียวนั้นให้เกิดขึ้น ทำบัณฑิตผู้เลิศนั้นให้ถึงความสิ้นชีวิต" อันภิกษุ
ทั้งหลายทูลอาราธนาเพื่อให้ทรงประกาศเรื่องนั้น จึงทรงทำให้แจ้งซึ่ง
ความที่จูฬธนุคคหบัณฑิต เรียนศิลปะในสำนักของอาจารย์ทิศาปาโมกข์
ในกรุงตักกสิลา พาธิดาผู้อันอาจารย์นั้นยินดีให้แล้ว ไปสู่กรุงพาราณสี
เมื่อตนฆ่าโจรตาย 49 คน ด้วยลูกศร 49 ลูก ที่ปากดงแห่งหนึ่ง, เมื่อ
ลูกศรหมดแล้ว จึงจับโจรผู้หัวหน้าฟาดให้ล้มลงที่พื้นดิน. กล่าวว่า " นาง
ผู้เจริญ หล่อนจงนำดาบมา," นาง (กลับ) ทำความสิเนหาในโจรซึ่งตน
เห็นในขณะนั้นแล้ว วางด้ามดาบไว้ในมือโจร ให้โจรฆ่าแล้วในกาลเป็น
จูฬธนุคคหบัณฑิต ในอดีตกาล และภาวะคือโจรพาหญิงนั้นไป พลางคิด