เมนู

พระศาสดาตรัสบอกอุปนิสัยของพระอุคคเสน



พระศาสดาเสด็จมาแล้ว ตรัสถามว่า " ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอ
นั่งประชุมกันด้วยเรื่องอะไร ?" เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า " ด้วยเรื่อง
ชื่อนี้ " ดังนี้แล้ว ตรัสว่า " ภิกษุทั้งหลาย เหตุแม้ทั้งสองนั่น อัน
อุคคเสนนี้ผู้เดียวทำไว้แล้ว " เมื่อจะทรงประกาศเนื้อความนั้น จึงทรง
ชักอดีตนิทานมา (ตรัส ) ว่า :-
" ดังได้สดับมา ในอดีตกาล เมื่อสุพรรณเจดีย์สำหรับพระกัสสป-
ทศพล อันเขากระทำอยู่ พวกกุลบุตรชาวพระนครพาราณสี บรรทุกของ
เคี้ยวของบริโภคเป็นอันมากในยานทั้งหลาย กำลังไปสู่เจดีย์สถาน ด้วย
ตั้งใจว่า " พวกเราจักทำหัตถกรรม" พวกพระเถระองค์หนึ่ง กำลังเข้าไป
เพื่อบิณฑบาตในระหว่างทางแล้ว . ลำดับนั้นนางกุลธิดาคนหนึ่ง แลเห็น
พระเถระแล้ว จึงกล่าวกะสามีว่า " นาย พระผู้เป็นเจ้าของเราเข้ามาอยู่
เพื่อบิณฑบาต, อนึ่ง ของเคี้ยวของบริโภคของเราในยาน มีเป็นอันมาก,
นายจงนำบาตรของท่านมา, เราทั้งสองจักถวายภิกษา." สามีน้ำบาตรมา
แล้ว. ภรรยายังบาตรนั้นให้เต็ม ด้วยของควรเคี้ยวของควรบริโภคแล้ว
ให้สามีวางลงในมือของพระเถระ แม้ทั้งสองคนทำความปรารถนาว่า "ท่าน
เจ้าข้า ดิฉันทั้งสองคนพึงมีส่วนแห่งธรรมอันท่านเห็นแล้วนั่นเทียว."
พระเถระแม้นั้น เป็นพระขีณาสพ, เพราะฉะนั้น เมื่อท่านเล็งดู ทราบ
ภาวะ คืออันจะสำเร็จความปรารถนาของเขาทั้งสองนั้นแล้ว ได้ทำการยิ้ม.
หญิงนั้นเห็นอาการนั้นเข้า จึงพูดกะสามีว่า " นาย พระคุณเจ้าของเรา
ย่อมทำอาการยิ้ม, ท่านจักเป็นเด็กนักฟ้อน." ผ่ายสามีของนางตอบว่า
" นางผู้เจริญ ก็จักเป็นอย่างนั้น" ดังนี้แล้ว หลีกไป. นี้เป็นบุรพกรรม
ของเขาทั้งสองนั้น.

สามีภรรยานั้น ดำรงอยู่ในอัตภาพนั้นชั่วอายุแล้ว ก็เกิดในเทวโลก
เคลื่อนจากที่นั้นแล้ว, หญิงนั้นเกิดในเรือนของคนนักฟ้อน, ชายเกิดใน
เรือนของเศรษฐี. พระอุคคเสนนั้น เพราะความที่ให้คำตอบแก่ภรรยา
นั้นว่า " จักเป็นอย่างนั้น นางผู้เจริญ" จึงต้องเที่ยวไปกับพวกนักฟ้อน,
อาศัยบิณฑบาตที่ถวายแล้วแก่พระเถรผู้ขีณาสพ จึงบรรลุพระอรหัตแล้ว,
ฝ่ายธิดาของนักฟ้อนนั้น คิดว่า " อันใดเป็นคติของสามีของเรา,
อันนั้นเอง ก็เป็นคติแม้ของเรา" ดังนี้แล้ว บรรพชาในสำนักของภิกษุณี
ทั้งหลายแล้ว ดำรงอยู่ในพระอรหัต ดังนี้แล.
เรื่องบุตรเศรษฐีชื่ออุคคเสน จบ.

7. เรื่องจุฬธนุคคหบัณฑิต [246]



ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภภิกษุหนุ่ม
รูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " วิตกกฺมถิตสฺส " เป็นต้น.

ภิกษุหนุ่มรักใคร่หญิงรุ่นสาว


ดังได้สดับมา ภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งจับสลากของตนในโรงสลาก ถือ
เอาข้าวต้มตามสลากไปสู่โรงฉัน ดื่มอยู่. ภิกษุนั้น ไม่ได้น้ำในโรงฉันนั้น
ได้ไปยืนยังเรือนหลังหนึ่ง เพื่อต้องการน้ำ, หญิงรุ่นสาวคนหนึ่งในเรือน
นั้น พอเห็นภิกษุนั้น ก็เกิดความสิเนหา กล่าวว่า " ท่านผู้เจริญ เมื่อมี
ความต้องการด้วยน้ำดื่ม ท่านพึงมาในเรือนนี้แหละ แม้อีก."
ตั้งแต่นั้น ภิกษุนั้นไม่ได้น้ำดื่มในกาลใด, ก็ไปเรือนนั้นนั่นแล
ในกาลนั้น.
ฝ่ายหญิงนั้น รับบาตรของเธอแล้ว ถวายน้ำดื่ม. เมื่อกาลล่วงไป
ด้วยอาการอย่างนั้น รุ่งขึ้นวันหนึ่ง นางถวายแม้ข้าวต้มแล้วนิมนต์ให้นั่ง
ในเรือนนั้นแล ได้ถวายข้าวสวยแล้ว. นางนั่ง ณ ที่ใกล้ภิกษุนั้นแล้ว
เอ่ยถ้อยคำขึ้นว่า " ท่านผู้เจริญ ในเรือนนี้ อะไร ๆ ชื่อว่า ย่อมไม่มี
หามีไม่, ดิฉันยังไม่ได้แต่คนจัดการเท่านั้น."
ภิกษุนั้น สดับถ้อยคำของหญิงนั้นแล้ว โดย 2-3 วันเท่านั้น
ก็กระสันแล้ว.

ภิกษุหนุ่มถูกนำตัวไปเฝ้าพระศาสดา


ต่อมาวันหนึ่ง พวกภิกษุอาคันตุกะพบภิกษุนั้น จึงถามว่า " ผู้มีอายุ
เหตุไร ? ท่านจึงเป็นผู้ผอมเหลืองหนักขึ้น," เมื่อภิกษุนั้นตอบว่า " ผู้มีอายุ