เมนู

5. เย ราครตฺตานุปตนฺติ โสตํ
สยํ กตํ มกฺกฏโกว ชาลํ
เอตมฺปิ เฉตฺวาน วชนฺติ ธีรา
อนเปกฺขิโน สพฺพทุกฺขํ ปหาย.
" สัตว์ผู้กำหนัดแล้วด้วยราคะ ย่อมตกไปสู่กระ-
แสตัณหา เหมือนแมลงมุม ตกไปยังใยที่ตัวทำไว้
เองฉะนั้น. ธีรชนทั้งหลาย ตัดกระแสตัณหาแม้นั้น
แล้ว เป็นผู้หมดห่วงใย ละเว้นทุกข์ทั้งปวงไป."

แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น สองบทว่า มกฺกฏโกว ชาลํ ความว่า เหมือน
อย่างว่า แมลงมุมทำข่ายคือใยแล้ว ก็นอนอยู่ในศูนย์ใยในที่ท่ามกลาง
แล้วก็รีบวิ่งไปฆ่าตั๊กแตนหรือตัวแมลง ที่ตกไปในริมสายใย สูบกินรส
ของมันแล้ว ก็กลับมานอนอยู่ในที่นั้นอย่างเดิมฉันใด; สัตว์ทั้งหลาย
เหล่าใด ผู้กำหนัดแล้วด้วยราคะ1 โกรธแล้วด้วยโทสะ2 หลงแล้วด้วยโมหะ,
สัตว์เหล่านั้นย่อมตกไปสู่กระแสตัณหาที่ตัวทำไว้เอง คือเขาไม่อาจเพื่อ
ก้าวล่วงกระแสตัณหานั้นไปได้ ฉันนั้นเหมือนกัน; กระแสตัณหา บุคคล
ล่วงได้ยากอย่างนี้.
บาทพระคาถาว่า เอตมฺปิ เฉตฺวาน วชนฺติ ธีรา ความว่า บัณฑิต
ทั้งหลาย ตัดเครื่องผูกนั่นแล้ว เป็นผู้หมดห่วงใย คือไม่มีอาลัย ละทุกข
ทั้งปวงด้วยอรหัตมรรคแล้ว ก็เว้น คือไป.
1. ผู้อันราคะย้อมแล้ว. 2. อันโทสะประทุษร้ายแล้ว.

ในกาลจบเทศนา พระนางเขมาทรงดำรงอยู่ในพระอรหัต. เทศนา
ได้มีประโยชน์แม้แก่มหาชนแล้ว. พระศาสดาตรัสกะพระราชาว่า " มหา-
บพิตร พระนางเขมาจะบวชหรือปรินิพพาน จึงควร ?"
พระราชา. โปรดให้พระนางบวชเถิด พระเจ้าข้า, อย่าเลยด้วยการ
ปรินิพพาน.
พระนางบรรพชาแล้ว ก็ได้เป็นสาวิกาผู้เลิศ ดังนี้แล.
เรื่องพระนางเขมา จบ.

6. เรื่องบุตรเศรษฐีชื่ออุคคเสน [245]



ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเวฬุวัน ทรงปรารภอุคคเสน
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " มุญฺจ ปุเร " เป็นต้น.

อุคคเสนรักใคร่หญิงนักฟ้อน


ได้ยินว่า เมื่อครบปีหรือ 6 เดือนแล้ว พวกนักฟ้อนประมาณ 500
ไปยังกรุงราชคฤห์ ทำมหรสพ (ถวาย) แด่พระราชาตลอด 7 วัน ได้
เงินและทองเป็นอันมาก, การตกรางวัลในระหว่าง ๆ ไม่มีสิ้นสุด. มหาชน
ต่างก็ยืนบนเตียงเป็นต้น ดูมหรสพ.
ลำดับนั้น ธิดานักหกคะเมนคนหนึ่ง ขึ้นไปสู่ไม้แป้น หกคะเมน
เบื้องบนของไม้เป็นนั้น เดินฟ้อนและขับร้องบนอากาศ ณ ที่สุดแห่ง
ไม้แป้นนั้น.
สมัยนั้น บุตรเศรษฐีชื่ออุคคเสน ยืนอยู่บนเตียงที่ (ตั้ง) ซ้อนๆ
กันกับด้วยสหาย แลดูหญิงนั้น มีความรักเกิดขึ้นในอาการทั้งหลาย มีการ
แกว่งมือและเท้าเป็นต้นของนาง ไปสู่เรือนแล้วคิดว่า " เราเมื่อได้นาง
จึงจักเป็นอยู่, เมื่อเราไม่ได้ก็จะตายเสียในที่นี้แหละ" ดังนี้แล้ว ก็ทำการ
ตัดอาหาร นอนอยู่บนเตียง; แม้ถูกมารดาบิดาถามว่า " พ่อ เจ้าเป็นโรค
อะไร ?" ก็บอกว่า " เมื่อฉันได้ลูกสาวของนักฟ้อนคนนั้น ก็จะมีชีวิตอยู่,
เมื่อฉันไม่ได้ ก็จะตายเสียในที่นี้นี่แหละ," แม้เมื่อมารดาปลอบว่า " พ่อ
เจ้าอย่าทำอย่างนี้เลย, พวกเราจักนำนางกุมาริกาคนอื่น ซึ่งสมควรแก่