เมนู

พวกมนุษย์ประหลาดใจเพราะเห็นเขาไม่กลัว


ลำดับนั้น มนุษย์ทั้งหลายผู้ยืนอยู่ในทิศาภาคนั้น ๆ แม้เงือดเงื้อ
เครื่องประหารทั้งหลายมีดาบ หอก และโตมร1เป็นต้นแก่เขา เห็นเขา
มิได้สะดุ้งเลย ต่างพูดว่า " ผู้เจริญทั้งหลาย พวกท่านจงดูบุรุษคนนี้เถิด,
เขาไม่หวั่นไหว ไม่สะทกสะท้านในท่ามกลางแห่งบุรุษผู้มีอาวุธในมือ แม้
หลายร้อยคน, โอ ! น่าอัศจรรย์จริง" ดังนี้แล้วเกิดมีความอัศจรรย์และ
ประหลาดใจ บันลือลั่นสนั่น (ไป) กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระราชา.
พระราชาทรงสดับเหตุนั้นแล้ว ตรัสว่า " พวกท่านจงปล่อยเขา
เสียเถิด" ดังนี้แล้ว เสด็จไปแม้ยังสำนักพระศาสดา กราบทูลเนื้อความ
นั้นแล้ว.
พระศาสดา ทรงเปล่งพระโอภาสไปแล้ว เมื่อจะทรงแสดงธรรม
แก่เข่า จึงตรัสพระคาถานี้ว่า:-
3. โย นิพฺพนฏฺโฐ วนาธิมุตฺโต
วนมุตฺโต วนเมว ธาวติ
ตํ ปุคฺคลเมว ปสฺสถ
มุตฺโต พนฺธนเมว ธาวติ.
" บุคคลใด มีอาลัยดุจหมู่ไม้อันตั้งอยู่ในป่าออก
แล้ว น้อมไปในป่า (คือตปธรรม) พ้นจากป่าแล้ว
ยังแล่นไปสู่ป่าตามเดิม, ท่านทั้งหลายจงดูบุคคลนั้น
นั่นแล; เขาพ้นแล้ว (จากเครื่องผูก) ยังแล่นไปสู่
เครื่องผูกตามเดิม."

1. โตมร หอกซัด.

แก้อรรถ


เนื้อความแห่งพระคาถานั้นว่า " บุคคลใด ชื่อว่ามีอาลัยดุจหมู่ไม้
อันตั้งอยู่ในป่าออกแล้ว เพราะความที่ตนละทิ้งหมู่ไม้อันตั้งอยู่ในป่า
กล่าวคืออาลัยในความเป็นคฤหัสถ์แล้วบวช น้อมไปในป่าคือตปะ กล่าว
คือวิหารธรรม เป็นผู้พ้นจากป่าคือตัณหา ซึ่งจัดเป็นเครื่องผูกคือการ
ครองเรือนแล้ว ยังแล่นไปหาป่าคือตัณหานั่นแหละ อันเป็นเครื่องผูกคือ
การครองเรือนนั้นอีก, ท่านทั้งหลายจงดูบุคคลนั้นอย่างนั้น; บุคคลนั่น
พ้นจากเครื่องผูกคือการครองเรือนแล้ว ยังแล่นไปสู่เครื่องผูกคือการ
ครองเรือนอีกทีเดียว.
เขานั่งฟังธรรมเทศนานี้ อยู่บนปลายหลาว ในระหว่างพวกราช-
บุรุษนั่นแล เริ่มตั้งความเกิดขึ้นและความเสื่อมไปแล้ว ยก (จิต) ขึ้นสู่
ไตรลักษณ์ พิจารณาอยู่ซึ่งสังขารทั้งหลายบรรลุโสดาปัตติผลแล้วเสวยสุข
เกิดแต่สมาบัติอยู่ เหาะขึ้นสู่เวหาสมาสู่สำนักพระศาสดาทางอากาศนั่นเอง
ถวายบังคมพระศาสดาแล้วบวช ได้บรรลุพระอรหัต ณ ท่ามกลางบริษัท
พร้อมด้วยพระราชานั่นเอง ดังนี้แล.
เรื่องวิพภันตกภิกษุ จบ.