ไปคนเดียว เหมือนพระราชาทรงละแว่นแคว้น ที่
ทรงชนะเด็ดขาดแล้ว (หรือ) เหมือนช้างชื่อว่า
มาตังคะ ละโขลงแล้ว เที่ยวไปในป่าตัวเดียวฉะนั้น.
ความเที่ยวไปแห่งบุคคลคนเดียวประเสริฐกว่า, เพราะ
คุณเครื่องเป็นสหาย ไม่มีอยู่ในชนพาล; บุคคลนั้น
พึงเป็นผู้ผู้เดียวเที่ยวไป เหมือนช้างชื่อมาตังคะ ตัว
มีความขวนขวายน้อยเที่ยวไปอยู่ในป่าฉะนั้น และ
ไม่พึงทำบาปทั้งหลาย."
แก้อรรถ
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า นิปกํ คือผู้ประกอบปัญญาเครื่องรักษา
ตน.
บทว่า สาธุวิหาริธีรํ คือผู้มีธรรมเครื่องอยู่อันเจริญ เป็นบัณฑิต.
บทว่า ปริสฺสยานิ เป็นต้น ความว่า เขาเมื่อได้สหายผู้มีเมตตาเป็น
วิหารธรรมเช่นนั้น พึงครอบงำอันตรายทั้งหลาย คือ " อันตรายที่ปรากฏ
มีสีหะและพยัคฆ์เป็นต้น และอันตรายที่ปกปิด มีราคะและโทสะเป็นต้น "
ทั้งหมดทีเดียวแล้ว พึงเป็นผู้มีใจยินดี มีสติมั่นคง เที่ยวไป คืออยู่กับ
สหายนั้น.
สองบทว่า ราชาว รฏฺฐํ ความว่า เหมือนพระราชาผู้ฤาษี ทรงละ
แว่นแคว้นผนวชอยู่ฉะนั้น. ท่านกล่าวคำอธิบายนี้ไว้ว่า " พระราชาผู้มี
ภูมิประเทศอันพระองค์ทรงชนะเด็ดขาดแล้ว ทรงละแว่นแคว้นที่ทรงชนะ
เด็ดขาดแล้วเสีย ด้วยทรงดำริว่า ชื่อว่าความเป็นพระราชานี้ เป็นที่ตั้ง
แห่งความประมาทอันใหญ่, ประโยชน์อะไรของเราด้วยราชสมบัติที่เรา
ครอบครองแล้ว ' ลำดับนั้นแหละเสด็จเข้าไปยังป่าใหญ่ ผนวชเป็นดาบส
แล้วเสด็จเที่ยวไปเฉพาะพระองค์เดียวในอิริยาบถทั้ง 4 ฉันใด; บุคคล
พึงเที่ยวไปเฉพาะผู้เดียวฉันนั้น."
สองบทว่า มาตงฺครญฺเญว นาโค ความว่า เหมือนอย่างว่า พระยา
ช้างตัวนี้ได้นามว่า " มาตังคะ " เพราะพิจารณาเห็นอย่างนี้ว่า " เราแล
ย่อมอยู่นัวเนียด้วยพวกช้างพลาย ช้างพัง ช้างสะเทิ้น และลูกช้างทั้งหลาย,
เราย่อมเคี้ยวกินหญ้าที่เขาเด็ดปลายแล้ว, และเขาย่อมเคี้ยวกินกิ่งไม้อันพอ1
หักได้ที่เขาหักลงแล้วๆ. และเราย่อมดื่มน้ำที่ขุ่น, เมื่อเราหยั่งลง (สู่ท่า
น้ำ) และก้าวขึ้น (จากท่าน้ำ) เหล่าช้างพังย่อมเดินเสียดสีกายไป, ถ้า
อย่างไร เราตัวเดียวเท่านั้น พึงหลีกออกไปจากโขลงอยู่ " ดังนี้แล้ว
ดำเนินไปด้วยความรู้ ละโขลงแล้ว ย่อมเที่ยวไปในป่านี้ตามสบายตัวเดียว
เท่านั้น ในอิริยาบถทั้งปวง ฉันใด;. บุคคลพึงเที่ยวไปคนเดียวเท่านั้น
แม้ฉันนั้น.
บทว่า เอกสฺส ความว่า ความเที่ยวไปแห่งบรรพชิตผู้ยินดียิ่งแล้ว
ในเอกีภาพ ตั้งแต่กาลที่ตนบวช ชื่อว่า ผู้ผู้เดียวเท่านั้นประเสริฐ.
บาทพระคาถาว่า นตฺถิ พาเล สหายตา ความว่า เพราะคุณธรรม
นี้ คือ " จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล กถาวัตถุ 10 ธุดงคคุณ 13
วิปัสสนาญาณ มรรค ผล 4 วิชชา 3 อภิญญา 6 อมตมหานิพพาน"
ชื่อว่าคุณเครื่องเป็นสหาย. บุคคลไม่อาจบรรลุคุณเครื่องเป็นสหายนั้น
เพราะอาศัยเหล่าพาลชน เพราะฉะนั้น คุณเครื่องเป็นสหาย จึงชื่อว่า
ไม่มีในพาลชน.
1. สาขาภงฺคํ ซึ่งรุกขาวัยวะอันบุคคลพึงหักคือกิ่งไม้.
บทว่า เอโก เป็นต้น ความว่า เพราะเหตุนี้ บุคคลพึงเป็นผู้
ผู้เดียวเท่านั้นเที่ยวไปในอิริยาบถทั้งปวง, และไม่พึงทำบาปทั้งหลาย แม้มี
ประมาณน้อย. อธิบายว่า " บุคคลนั้น พึงเป็นผู้ผู้เดียวเท่านั้นเที่ยวไป
เหมือนช้างชื่อมาตังคะ ตัวมีความขวนขวายน้อย คือไม่มีอาลัย เที่ยวไป
ตามสบายในสถานที่ที่ตนปรารถนาแล้ว ๆ ในป่านี้ฉะนั้น, และไม่พึงทำ
บาปทั้งหลายแม้มีประมาณน้อย.
เพราะฉะนั้น พระศาสดาเมื่อจะทรงแสดงเนื้อความนี้ว่า " แม้ท่าน
ทั้งหลาย เมื่อไม่ได้สหายมีรูปเช่นนี้ พึงเป็นผู้เที่ยวไปคนเดียวเท่านั้น"
จึงทรงแสดงพระธรรมเทศนานี้แก่ภิกษุเหล่านั้น.
ในกาลจบเทศนา ภิกษุเหล่านั้นแม้ทั้ง 500 รูป ดำรงอยู่ในพระ-
อรหัตแล้ว ดังนี้แล.
เรื่องสัมพหุลภิกษุ จบ.
8.เรื่องมาร [239]
ข้อความเบื้องต้น
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ กุฎีซึ่งตั้งอยู่ในป่าที่ข้างป่าหิมพานต์
ทรงปรารภมาร ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " อตฺถมฺหิ " เป็นต้น.
มารทูลให้พระศาสดาทรงครองราชสมบัติ
ได้ยินว่า ในกาลนั้น พระราชาทั้งหลายทรงครอบครองราชสมบัติ
เบียดเบียนเหล่ามนุษย์. ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทอดพระเนตรเห็น
มนุษย์ทั้งหลายถูกเบียดเบียนด้วยการลงอาชญา ในรัชสมัยของพระราชา
ผู้มิได้ตั้งอยู่ในธรรม ทรงดำริด้วยสามารถแห่งความกรุณาอย่างนี้ว่า " เรา
อาจเพื่อจะครอบครองราชสมบัติโดยธรรม ไม่เบียดเบียนเอง ไม่ให้ผู้อื่น
เบียดเบียน ไม่ชนะเอง ไม่ให้ผู้อื่นชนะ ไม่เศร้าโศกเอง ไม่ให้ผู้อื่น
เศร้าโศก หรือหนอ ?"
มารผู้มีบาปทราบพระปริวิตกข้อนั้นของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว จึง
ดำริว่า " พระสมณโคดมทรงดำริว่า ' เราอาจเพื่อครอบครองราชสมบัติ
หรือหนอ ?' บัดนี้ พระสมณโคดมนั้น จักเป็นผู้ใคร่เพื่อครอบครอง
ราชสมบัติ, ก็ชื่อว่าราชสมบัตินี้ เป็นที่ตั้งแห่งความประมาท, เมื่อพระ-
สมณโคดมครอบครองราชสมบัตินั้นอยู่, เราอาจเพื่อได้โอกาส; เรา
จะไป, จักยังความอุตสาหะให้เกิดขึ้นแก่พระองค์." แล้วเข้าไปเฝ้าพระ-
ศาสดากราบทูลว่า " ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าจงทรง
ครองราชสมบัติ, ขอพระสุคตเจ้าจงทรงครองราชสมบัติโดยธรรม ไม่
เบียดเบียนเอง ไม่ให้ผู้อื่นเบียดเบียน ไม่ชนะเอง ไม่ให้ผู้อื่นชนะ ไม่
เศร้าโศกเอง ไม่ให้ผู้อื่นเศร้าโศก."