เขาพรากไปจากอาหารฉะนั้น. นัยว่า ไม้เท้าของ
ข้าพเจ้าแลยังประเสริฐกว่า, บุตรทั้งหลายไม่เชื่อฟัง
จะประเสริฐอะไร. (เพราะ) ไม้เท้ากันโคดุก็ได้, อนึ่ง
กันสุนัขก็ได้, มีไว้ (ยัน) ข้างหน้าเวลามืดก็ได้, (ใช้)
หยั่งลงไปในที่ลึกก็ได้, เพราะอานุภาพแห่งไม้เท้า
คนแก่เช่นข้าพเจ้า พลาดแล้วก็กลับยืนขึ้น (อีกได้)."
พราหมณ์ได้อุบายดี
เขาเรียนคาถาเหล่านั้น ในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว เมื่อ
พวกบุตรประดับประดาด้วยสรรพาลังการแล้ว ย่างเข้าไปสู่สภานั้น นั่ง
เหนืออาสนะที่ควรแก่ค่ามาก ในท่ามกลางพวกพราหมณ์ ในวันประชุม
พราหมณ์เห็นปานนั้น, ตกลงใจว่า " กาลนี้เป็นกาลของเราแล้ว" เข้า
ไปสู่ท่ามกลางสภา ชูมือขึ้นแล้วกล่าวว่า " ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าประสงค์
จะกล่าวคาถาแก่ท่านทั้งหลาย, ท่านทั้งหลายจักฟังไหม ?" เมื่อพราหมณ์
เหล่านั้นกล่าวว่า " กล่าวเถิด ๆ พราหมณ์ พวกเราจักฟัง," ได้ยืนกล่าว
เทียว.
ก็โดยสมัยนั้น มนุษย์ทั้งหลายมีวัตรอยู่อย่างนี้ว่า " บุตรใดใช้สอย
ทรัพย์ที่เป็นของมารดาบิดา (แต่) ไม่เลี้ยงมารดาบิดา. บุตรนั้นต้องถูกฆ่า."
เพราะฉะนั้น บุตรของพราหมณ์เหล่านั้น จึงฟุบลงแทบเท้าของบิดา
วิงวอนว่า " คุณพ่อขอรับ ขอคุณพ่อโปรดให้ชีวิตแก่พวกกระผมเถิด."
เพราะความที่หทัยของบิดาเป็นธรรมชาติอ่อนโยน เขาจึงกล่าวว่า " ท่าน