เมนู

9. เรื่องพระเถระชื่อเอกวิหารี [222]



ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระเถระ
ชื่อเอกวิหารี ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " เอกาสนํ " เป็นต้น.

พวกภิกษุทูลเรื่องพระเถระแด่พระศาสดา


ได้ยินว่า พระเถระนั้นได้เป็นผู้ในปรากฏในระหว่างแห่งบริษัท 4 ว่า
" นั่งอยู่แต่ผู้เดียว เดินแต่ผู้เดียว ยืนแต่ผู้เดียว." ต่อมาภิกษุทั้งหลาย
กราบทูลพระเถระนั้นแด่พระตถาคตว่า " พระเถระนี้ ชื่อว่ามีรูปอย่างนี้
พระเจ้าข้า."

ภิกษุพึงเป็นผู้สงัด


พระศาสดาประทานสาธุการว่า " สาธุ สาธุ " ดังนี้แล้วทรงสั่งสอน
ว่า " ธรรมดาภิกษุ พึงเป็นผู้สงัด " แล้วตรัสอานิสงส์ในวิเวก แล้วจึง
ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
9. เอกาสนํ เอกเสยฺยํ เอโก จรมตนฺทิโต
เอโก ทมยมตฺตานํ วนนฺเต รมิโต สิยา.
" ภิกษุพึงเสพที่นั่งคนเดียว ที่นอนคนเดียว, พึง
เป็นผู้เดียว ไม่เกียจคร้านเที่ยวไปเป็นผู้เดียว ทรมาน
ตน เป็นผู้ยินดียิ่งไปราวป่า."

แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น สองบทว่า เอกาสนํ เอกเสยฺยํ ความว่า ที่
นั่งของภิกษุผู้ไม่ละมูลกัมมัฏฐาน นั่งแม้ในท่ามกลางแห่งภิกษุตั้งพัน ด้วย

การทำไว้ในใจนั้นนั่นแล ชื่อว่า ที่นั่งคนเดียว. ก็ที่นอนของภิกษุผู้เข้าไป
ตั้งสติไว้แล้วนอนเหนือที่นอนอันเขาปูไว้ ในปราสาทเช่นกับโลหปราสาท
ก็ดี ในท่ามกลางภิกษุตั้งพันรูปก็ดี เป็นที่รองผ้าลาดอันวิจิตร อันควร
แก่ค่ามาก โดย (ตะแคง) ข้างขวา ด้วยมนสิการในมูลกัมมัฏฐาน ชื่อว่า
ที่นอนคนเดียว. ภิกษุพึงเสพที่นั่งคนเดียวและที่นอนคนเดียวเห็นปานนั้น.
บทว่า อตนฺทิโต ความว่า ภิกษุเป็นผู้ไม่เกียจคร้าน ด้วยการอาศัย
กำลังแข้งเลี้ยงชีวิต เที่ยวไปแต่ผู้เดียวในทุก ๆ อิริยาบถ.
บาทพระคาถาว่า เอโก ทมยมตฺตานํ ความว่า เป็นผู้ ๆ เดียวเท่านั้น
ทรมานตน ด้วยสามารถแห่งการตามประกอบกัมมัฏฐานในที่ทั้งหลายมี
ที่พักกลางคืนเป็นต้น แล้วบรรลุมรรคและผล.
บาทพระคาถาว่า วนนฺเต รมิโต สิยา ความว่า ภิกษุเมื่อทรมาน
ตนอย่างนั้น ชื่อว่า พึงเป็นผู้ยินดียิ่ง ในราวป่าอันสงัดจากเสียงทั้งหลาย
มีเสียงสตรีและบุรุษเป็นต้นทีเดียว. เพราะภิกษุผู้มีปกติอยู่พลุกพล่าน ไม่
อาจทรมานตนอย่างนั้นได้.
ในกาลจบเทศนา ภิกษุเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดา-
ปัตติผลเป็นต้น. ตั้งแต่นั้นมา มหาชนย่อมปรารถนาการอยู่คนเดียวเท่านั้น
ดังนี้แล.
เรื่องพระเถระชื่อเอกวิหารี จบ.
ปกิณณกวรรควรรณนา จบ
วรรคที่ 21 จบ.

คาถาธรรมบท



นิรยวรรค1ที่ 22



ว่าด้วยผู้มีธรรมเลวไปนรก


[32] 1. ผู้มักพูดคำไม่จริง ย่อมเข้าถึงนรก หรือแม้
ผู้ใดทำแล้วกล่าวว่า ข้าพเจ้ามิได้ทำ ชนแม้ทั้งสอง
นั้น เป็นมนุษย์มีกรรมเลวทราม ละไปในโลกอื่นแล้ว
ย่อมเป็นผู้เสมอกัน.
2. ชนเป็นอันมาก มีคอพันด้วยผ้ากาสาวะ เป็น
ผู้มีธรรมลามก ไม่สำรวม ชนผู้ลามกเหล่านั้น ย่อม
เข้าถึงนรก เพราะกรรมลามกทั้งหลาย.
3. ก้อนเหล็กอันร้อนประหนึ่งเปลวไฟ ภิกษุ
บริโภคยังดีกว่าภิกษุผู้ทุศีล ไม่สำรวม บริโภคก้อน
ข้าวของชาวแว่นแคว้น จะประเสริฐอะไร.
4. นระผู้ประมาทชอบเสพภรรยาของคนอื่น
ย่อมถึงฐานะ 4 อย่าง คือ การได้สิ่งที่มิใช่บุญ เป็น
ที่ 1 การนอนไม่ได้ตามความปรารถนา เป็นที่ 2
การนินทา เป็นที่ 3 นรก เป็นที่ 4. การได้สิ่ง
มิใช่บุญอย่างหนึ่ง คติลามกอย่างหนึ่ง ความยินดี
ของบุรุษผู้กลัว กับด้วยหญิงผู้กลัว มีประมาณน้อย
อย่างหนึ่ง พระราชาย่อมลงอาญาอันหนักอย่างหนึ่ง
เพราะฉะนั้น นระไม่ควรเสพภรรยาของคนอื่น.

1. วรรคนี้ มีอรรถกถา 9 เรื่อง.