เมนู

ลำดับนั้น โคของเขาเข้าไปสู่เมืองกับหมู่โคที่เข้าไปสู่เมืองในเวลา
เย็น. ฝ่ายนายสากฏิกะเที่ยวติดตามโคอยู่ เข้าไปสู่เมืองแล้วในเวลาเย็น
พบโคแล้วจูงออกไปอยู่ ไม่ทันถึงประตู ก็เมื่อเขายังไม่ทันถึงนั่นแหละ,
ประตูปิดเสียแล้ว. ขณะนั้น บุตรของเขาผู้เดียวเท่านั้น นอนแล้วใน
ภายใต้แห่งเกวียนในส่วนแห่งราตรีก้าวลงสู่ความหลับแล้ว.

เจริญพุทธานุสสติป้องกันอมนุษย์ได้


ก็กรุงราชคฤห์ แม้ตามปกติก็มากไปด้วยอมนุษย์. อนึ่ง เด็กนี้
ก็นอนแล้วในที่ใกล้แห่งป่าช้า. พวกอมนุษย์ในที่ใกล้แห่งป่าช้านั้นเห็น
เขาแล้ว. อมนุษย์คนหนึ่ง ผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิ เป็นเสี้ยนหนามต่อพระ-
ศาสนา, อมนุษย์ตนหนึ่ง เป็นสัมมาทิฏฐิ.
ในอมนุษย์ทั้งสองนั้น อมนุษย์ผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิกล่าวว่า " เด็กคนนี้
เป็นภักษาหารของพวกเรา, พวกเราจงเคี้ยวกินเด็กคนนี้." อมนุษย์ผู้เป็น
สัมมาทิฏฐินอกนี้ ห้ามอมนุษย์ผู้เป็นมิจฉาทิฏฐินั้น ด้วยคำว่า " อย่าเลย,
ท่านอย่าชอบใจเลย." อมนุษย์ผู้เป็นมิจฉาทิฏฐินั้น แม้ถูกอมนุษย์ผู้เป็น
สัมมาทิฏฐินั้นห้ามอยู่ ก็ไม่เอื้อเฟื้อถ้อยคำของเขา จับเท้าเด็กคร่ามาแล้ว.
ในขณะนั้น เด็กนั้นกล่าวว่า "นโม พุทฺธสฺส" เพราะความที่
ตนเป็นผู้สั่งสมในพุทธานุสสติ. อมนุษย์กลัวภัยใหญ่ จึงได้ถอยไปยืน
อยู่แล้ว.

อมนุษย์รักษาและบำรุงเด็กผู้นอนในป่าคนเดียว


ลำดับนั้น อมนุษย์ผู้เป็นสัมมาทิฏฐินอกนี้ กล่าวกะอมนุษย์ผู้เป็น
มิจฉาทิฏฐินั้นว่า. " พวกเราทำสิ่งอันไม่ควรทำเสียแล้ว, พวกเราจงทำ
ทัณฑกรรมเพื่อเด็กนั้นเสียเถิด" ดังนี้แล้ว ได้ยืนรักษาเด็กนั้น. อมนุษย์

ผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิเข้าไปสู่พระนคร ยังถาดโภชนะของพระราชาให้เต็มแล้ว
นำโภชนะมา.
ต่อมา อมนุษย์แม้ทั้งสองเป็นประดุจว่ามารดาและบิดาของเด็กนั้น
ปลุกเด็กนั้นให้ลุกขึ้นแล้ว ให้บริโภคโภชนะนั้น ประกาศความเป็นไป
นั้นแล้ว จารึกอักษรที่ถาดโภชนะ ด้วยอานุภาพของยักษ์ ด้วยอธิษฐานว่า
" พระราชาเท่านั้น จงเห็นอักษรเหล่านี้, คนอื่นจงอย่าเห็น" ดังนี้แล้ว
จึงไป.
ในวันรุ่งขึ้น พวกราชบุรุษทำความโกลาหลอยู่ว่า " พวกโจร
ลักเอาภัณฑะคือภาชนะไปจากราชตระกูลแล้ว" จึงปิดประตูทั้งหลายแล้ว
ค้นดู เมื่อไม่เห็นในพระนคร จึงออกจากพระนคร ตรวจดูข้างโน้นและ
ข้างนี้ จึงเห็นถาดอันเป็นวิการแห่งทองคำบนเกวียนที่บรรทุกฟืน จึงจับ
เด็กนั้น ด้วยความสำคัญว่า " เด็กนี้เป็นโจร" ดังนี้แล้ว แสดง
แด่พระราชา.

เด็กถูกไต่สวน


พระราชาทอดพระเนตรเห็นอักษรทั้งหลายแล้ว ตรัสถามว่า " นี่
อะไรกัน ? พ่อ." เด็กนั้นกราบทูลว่า " ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ
ข้าพระองค์ไม่ทราบ, มารดาบิดาของข้าพระองค์มาให้บริโภคในราตรี
แล้วได้ยืนรักษาอยู่. ข้าพระองค์คิดว่า ' มารดาบิดารักษาเราอยู่" จึงไม่มี
ความกลัวเลย เข้าถึงความหลับแล้ว, ข้าพระองค์ทราบเพียงเท่านี้."
ลำดับนั้น แม้มารดาและบิดาของเด็กนั้น ก็ได้ไปสู่ที่นั้นแล้ว.
พระราชาทรงทราบความเป็นไปนั้นแล้ว ทรงพาชนทั้งสามนั้นไปสู่
สำนักพระศาสดา กราบทูลความเป็นไปทั้งปวงแล้ว ทูลถามว่า " ข้าแต่