เมนู

โยชน์หนึ่งจึงดาดาษไปด้วยดอกปทุม 5 สี, เราได้ประพรมพื้นที่ในลาน
พระเจดีย์นั้น ด้วยน้ำในลักจั่น, ด้วยผลแห่งกรรมของเรานั้น ฝนโบก-
ขรพรรษจึงตกลงในเมืองไพศาลี, เราได้ยกธงแผ่นผ้าขึ้นและผูกฉัตรไว้
บนพระเจดีย์นั้น, ด้วยผลแห่งกรรมของเรานั้น ห้องจักรวาลทั้งสิ้น จึง
เป็นราวกะว่ามีมหรสพเป็นอันเดียวกัน ด้วยธงชัย ธงแผ่นผ้า และฉัตร
ซ้อน ๆ กันเป็นต้นตลอดถึงอกนิฏฐภพ, ภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุดังนี้แล
บูชาสักการะนั่นเกิดในแก่เรา ด้วยพุทธานุภาพก็หาไม่, เกิดขึ้นด้วย
อานุภาพแห่งนาคเทวดาและพรหมก็หาไม่, แต่ว่า เกิดขึ้นด้วยอานุภาพ
แห่งการบริจาคมีประมาณน้อย ในอดีตกาล ดังนี้แล้ว เมื่อจะทรงแสดง
ธรรมจึงตรัสพระคาถานี้ว่า:-
1. มตฺตาสุขปริจฺจาคา ปสฺเส เจ วิปุลํ สุขํ
จเช มตฺตาสุขํ ธีโร สมฺปสฺสํ วิปุลํ สุขํ.

" ถ้าบุคคลพึงเห็นสุขอันไพบูลย์ เพราะสละสุข
พอประมาณเสีย, ผู้มีปัญญา เมื่อเห็นสุขอันไพบูลย์
ก็พึงสละสุขพอประมาณเสีย [จึงจะได้พบสุขอัน
ไพบูลย์]."

แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า มตฺตาสุขปริจฺจาคา ความว่า เพราะ
สละสุขเล็กน้อยพอประมาณ ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า "มตฺตาสุขํ."
สุขอันโอฬาร ได้แก่สุขคือพระนิพพาน พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า สุขอัน
ไพบูลย์. ความว่า ถ้าบุคคลพึงเห็นสุขอันไพบูลย์นั้น.
ท่านกล่าวคำอธิบายไว้ดังนี้ว่า " ก็ชื่อว่าสุขพอประมาณ ย่อมเกิด