เมนู

กอดคอกันและกันร้องไห้รำพันอยู่ว่า " อุบาสิกาผู้มีรสมืออันอร่อยทำกาละ
เสียแล้ว." และอันภิกษุทั้งหลายวิ่งเข้าไปโดยรอบ แล้วถามว่า " นี่เรื่อง
อะไรกัน ? ท่าน " จึงกล่าวว่า " ท่านผู้เจริญ ภรรยาเก่าของสหายของ
พวกผมทำกาละเสียแล้ว, นางเป็นผู้มีอุปการะแก่พวกผมเหลือเกิน, บัดนี้
พวกผมจักได้ผู้เห็นปานนั้นแต่ไหน, พวกผมร้องไห้เพราะเหตุนี้."

พระศาสดาตรัสกากชาดกแก่ภิกษุทั้งหลาย


ภิกษุทั้งหลายสนทนากันในโรงธรรมแล้ว. พระศาสดาเสด็จมาแล้ว
ตรัสถามว่า " ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอนั่งประชุมกันด้วยเรื่องอะไรหนอ ?
ในบัดนี้ " เมื่อพวกภิกษุกราบทูลว่า " ด้วยเรื่องชื่อนี้ " จึงตรัสว่า
" ภิกษุทั้งหลาย ไม่ใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น, แม้ในกาลก่อน เมื่อนางมธุร-
ปาณิกานั้นเกิดในกำเนิดกา เที่ยวไปริมฝั่งสมุทร ถูกลูกคลื่นสมุทร (ซัด)
เข้าไปสู่สมุทรให้ตายแล้ว ภิกษุเหล่านั้น (เกิด) เป็นกา ร้องไห้ร่ำไรแล้ว,
คิดว่า ' พวกเราจักนำนางกานั้นไป,' จึงพากันวิดมหาสมุทรด้วยจะงอยปาก
ลำบากแล้ว." ทรงนำอดีตนิทานมาแล้ว ตรัสกาก1 ชาดกให้พิสดารว่า :-
" เออก็ คางของพวกเราล้าแล้ว, และปากซีด,
พวกเราจงงดเสียเถิด พวกเรา (วิดต่อไปก็) ไม่
สำเร็จ, เพราะห้วงน้ำใหญ่ยังเต็มอยู่อย่างเดิม."

แล้วตรัสเรียกภิกษุเหล่านั้นมา ตรัสว่า " ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอ
อาศัยป่า คือราคะ โทสะ และโมหะ จึงถึงทุกข์นี้, การที่พวกเธอตัดป่า
นั้นเสีย ควร, พวกเธอจักเป็นผู้หมดทุกข์ได้ด้วยอาการอย่างนั้น" แล้ว
ได้ทรงภาษิตพระคาถาเหล่านี้ว่า:-
1. ขุ. ชา. เอก. 27/42 อรรถกถา. 2/533.

6. วนํ ฉินฺทถ มา รุกขํ วนโต ชายตี ภยํ
เฉตฺวา วนญฺจ วนกญฺจ นิพฺพนา โหถ ภิกฺขโว.

ยาวํ หิ วนโถ น ฉิชฺชติ
อณุมตฺโตปิ นรสฺส นาริสุ
ปฏิพทฺธมโน ว ตาว โส
วจฺโฉ ขีรปโกว มาตริ.

" ท่านทั้งหลายจงตัดกิเลสดุจป่า อย่าตัดต้นไม้,
ภัยย่อมเกิดแต่กิเลสดุจป่า, ภิกษุทั้งหลาย ท่าน
ทั้งหลาย จงตัดกิเลสดุจป่า และดุจหมู่ไม้ตั้งอยู่ใน
ป่าแล้ว เป็นผู้ไม่มีกิเลสดุจป่าเถิด; เพราะกิเลสดุจ
หมู่ไม้ตั้งอยู่ในป่า ถึงมีประมาณนิดหน่อยของนรชน
ยังไม่ขาดในนารีทั้งหลายเพียงใด, เขาเป็นเหมือน
ลูกโคที่ยังดื่มน้ำนม มีใจปฏิพัทธ์ในมารดาเพียง
นั้น."

แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า มา รุกฺขํ ความว่า ก็เมื่อพระศาสดา
ตรัสว่า " ท่านทั้งหลายจงตัดป่า,' ภิกษุเหล่านั้นผู้บวชยังไม่นาน ความ
คิดในความเป็นผู้ใคร่เพื่อตัดต้นไม้จะเกิดขึ้นว่า " พระศาสดาย่อมให้พวก
เราถือมีดเป็นต้นตัดป่า;" เมื่อเป็นเช่นนั้น พระศาสดาเมื่อจะทรงห้าม
ภิกษุเหล่านั้นว่า " เราพูดคำนั่น หมายเอาป่าคือกิเลสมีราคะเป็นต้น
(ต่างหาก ) มิได้พูดหมายเอาต้นไม้" จึงตรัสว่า "อย่าตัดต้นไม้."
บทว่า วนโต ความว่า ภัยแต่สัตว์ร้ายมีสีหะเป็นต้น ย่อมเกิด