เมนู

อยู่สิ้นพุทธันดรหนึ่ง มีอัตภาพมีประการดังกล่าวแล้ว เสวยทุกข์อยู่ที่
ภูเขาคิชฌกูฏในบัดนี้.

พระศาสดาตรัสพระธรรมเทศนา


พระศาสดา ครั้นทรงนำบุรพกรรมนี้ ของสูกรเปรตนั้นมาแล้ว
ตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย ธรรมดาว่าภิกษุ พึงเป็นผู้เข้าไปสงบด้วยกาย
เป็นต้น" แล้วตรัสพระคาถานี้ว่า :-
4. วาจานุรกฺขี มนสา สุสํวุโต
กาเยน จ อกุสลํ น กยิรา
เอเต ตโย กมฺมปเถ วิโสธเย
อาราธเย มคฺคํ อิสิปฺปเวทิตํ.

"บุคคลผู้มีปกติรักษาวาจา สำรวมดีแล้วด้วยใจ
และไม่ควรทำอกุศลด้วยกาย พึงยังกรรมบกทั้งสาม
เหล่านี้ให้หมดจด พึงยินดีทางที่ท่านผู้แสวงหาคุณ
ปราศแล้ว."

แก้อรรถ


ความแห่งพระคาถานั้นว่า " บุคคล ชื่อว่าผู้มีปกติตามรักษาวาจา
เพราะเว้นทุจริต1 4, ชื่อว่าสำรวมใจแล้วด้วยดี เพราะไม่ยังมโนทุจริตมี
อภิชฌาเป็นต้นให้เกิดขึ้น. และเมื่อสู่กายทุจริต มีปาณาติบาตเป็นต้น
ชื่อว่าไม่ควรทำอกุศลด้วยกาย, พึงยังกรรมบถ 3 เหล่านั้น ให้หมดจด
ด้วยอาการอย่างนี้; ก็เมื่อให้หมดจดได้อย่างนั้น ชื่อว่าพึงยินดีมรรคมี
1. วจีทุจริต 4 คือ 1. พูดเท็จ 2. พูดคำหยาบ 3. พูดส่อเสียด 4. พูดเพ้อเจ้อ คือตัดเสียงซึ่ง
ประโยชน์ตนและคนอื่น.