เมนู

6. เรื่องอชครเปรต [112]


ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเวฬุวัน ทรงปรารภอชครเปรต
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " อถ ปาปนิ กมฺมานิ " เป็นต้น.

พระมหาโมคคัลลานะเห็นเปรตถูกไฟไหม้


ความพิสดารว่า ในสมัยหนึ่ง พระมหาโมคคัลลานะเถระกับพระ-
ลักขณเถระลงจากเขาคิชฌกูฏ ได้เห็นสัตว์ชื่ออชครเปรต ประมาณ 25
โยชน์ ด้วยจักษุทิพย์. เปลวไฟตั้งขึ้นแต่ศีรษะของเปรตนั้น ลามถึงหาง,
ตั้งขึ้นแต่หาง ลามถึงศีรษะ. ตั้งขึ้นแต่ข้างทั้งสองไปรวมอยู่ที่กลางตัว.

เล่าการเห็นเปรตให้พระเถระฟัง


พระเถระครั้นเห็นเปรตนั้นแล้วจึงยิ้ม อันพระลักขณเถระถามเหตุ
แห่งการยิ้มแล้ว ก็ตอบว่า " ผู้มีอายุ กาลนี้ ไม่ใช่กาลพยากรณ์
ปัญหานี้, ท่านค่อยถามผมในสำนักพระศาสดาเถิด " เที่ยวบิณฑบาตใน
กรุงราชคฤห์. ในกาลไปยังสำนักพระศาสดา พระลักขณเถระถามแล้ว
จึงตอบว่า " ผู้มีอายุ ผมได้เห็นเปรตตนหนึ่งในที่นั้น. อัตภาพของมัน
ชื่อว่ามีรูปอย่างนี้; ผมครั้นเห็นมันแล้ว ได้ทำการยิ้มให้ปรากฏ ก็ด้วย
ความคิดว่า 'อัตภาพเห็นปานนี้ เราไม่เคยเห็นเลย. "

พระศาสดาก็เคยทรงเห็นเปรตนั้น


พระศาสดา เมื่อจะตรัสคำเป็นต้นว่า " ภิกษุทั้งหลาย สาวกของ
เรา เป็นผู้มีจักษุอยู่หนอ " ทรงรับรองถ้อยคำของพระเถระแล้ว จึง
ตรัสว่า " ภิกษุทั้งหลาย เปรตนั้น แม้เราก็ได้เห็นแล้วที่โพธิมัณฑสถาน

เหมือนกัน. แต่เราไม่พูด เพราะคิดเห็นว่า ' ก็แลชนเหล่าใดไม่พึงเชื่อ
คำของเรา ความไม่เชื่อนั้นของคนเหล่านั้น พึงเป็นไปเพื่อหาประโยชน์
เกื้อกูลมิได้ ' บัดนี้ เราได้โมคคัลลานะเป็นพยานแล้วจึงพูดได้." อัน
ภิกษุทั้งหลายทูลถามบุรพกรรมของเปรตนั้นแล้ว จึงทรงพยากรณ์ (ดัง
ต่อไปนี้) ว่า

บุรพกรรมของอชครเปรต


ดังได้ยินมา ในกาลแห่งพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่ากัสสปะ
เศรษฐีชื่อว่าสุมงคล ปูพื้นที่ด้วยแผ่นอิฐทองคำ ให้สร้างวิหารในที่
ประมาณ 20 อุสภะ ด้วยทรัพย์ประมาณเท่านั้นแล้ว ก็ให้ทำการฉลองด้วย
ทรัพย์ประมาณเท่านั้นเหมือนกัน. วันหนึ่ง ท่านเศรษฐีไปสู่สำนักพระ-
ศาสดาแต่เช้าตรู่ เห็นโจรคนหนึ่งนอนเอาผ้ากาสาวะคลุมร่างตลอดถึงศีรษะ
ทั้งมีเท้าเปื้อนโคลน อยู่ในศาลาหลังหนึ่ง ใกล้ประตูพระนคร จึงกล่าวว่า
" เจ้าคนนี้ มีเท้าเปื้อนโคลน คงจักเป็นมนุษย์ที่เที่ยวเตร่ในเวลากลางคืน
แล้ว (มา) นอน. "

กรรมชั่วให้ผลชั่ว


โจรเปิดหน้าเห็นเศรษฐีแล้ว คิดในใจว่า " เอาเถอะน่ะ. เราจัก
รู้กรรมที่ควรทำแก่มัน " ดังนี้แล้วก็ผูกอาฆาตไว้ ได้เผานา (ของเศรษฐี)
7 ครั้ง ตัดเท้าโคทั้งหลาย ในคอก 7 ครั้ง เผาเรือน 7 ครั้ง เขาไม่อาจ
ให้ความแค้นเคืองดับได้ แม้ด้วยทารุณกรรมมีประมาณเท่านั้น จึงทำการ
สนิทชิดเชื้อกับคนใช้ของเศรษฐีนั้นแล้ว ถามว่า " อะไรเป็นที่รักของ
เศรษฐี (นาย) ของท่าน ? " ได้ฟังว่า " วัตถุเป็นที่รักยิ่งของเศรษฐีอื่น