เมนู

ท่อนไม้ในมือ. ชาติส่งสรรพสัตว์ไปสู่สำนักชรา ชราส่งไปสู่สำนักพยาธิ
พยาธิส่งไปสู่สำนักมรณะ มรณะย่อมตัดชีวิต ดุจบุคลตัดต้นไม้ด้วย
ขวาน. แต่เมื่อเป็นอย่างนั้น ปวงสัตว์ชื่อว่าปรารถนาวิวัฏฏะ(พระนิพพาน)
ย่อมไม่มี, มัวแต่ปรารถนาวัฏฏะเท่านั้น. " ดังนี้แล้ว เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิ
แสดงธรรม จึงตรัสพระคาถานี้ว่า
5. ยถา ทณฺเฑน โคปาโล คาโว ปาเชติ โคจรํ
เอวํ ชรา จ มจฺจุ จ อายุํ ปาเชนฺติ ปาณินํ.
" นายโคบาล ย่อนต้อนโคทั้งหลายไปสู่ที่หากิน
ด้วยท่อนไม้ ฉันใด, ชราและมัจจุ ย่อมต้อนอายุ
ของสัตว์ทั้งหลายไป ฉันนั้น. "

แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปาเชติ ความว่า นายโคบาลผู้ฉลาด
กันโคทั้งหลาย ตัวเข้าไปสู่ระหว่างคันนาด้วยท่อนไม้ ตีด้วยท่อนไม้นั้น
นั่นแหละ นำไปอยู่ ชื่อว่า ย่อมต้อน (โคทั้งหลาย) ไปสู่ที่หากิน ซึ่ง
มีหญ้าและน้ำหาได้ง่าย.
สองบทว่า อายุํ ปาเชนฺติ ความว่า ย่อมตัดอินทรีย์คือชีวิต คือ
ย่อมยังชีวิตินทรีย์ให้สิ้นไป. ในพระคาถานี้ มีคำอุปมาอุปไมย ฉะนี้ว่า
ก็ชราและมัจจุ เปรียบเหมือนนายโคบาล, อินทรีย์คือชีวิต เปรียบ
เหมือนฝูงโค, มรณะ เปรียบเหมือนสถานที่หากิน. บรรดาสภาวธรรม
เหล่านั้น ชาติส่งอินทรีย์คือชีวิตของสัตว์ทั้งหลายไปสู่สำนักชรา ชราส่ง

ไปสู่สำนักพยาธิ พยาธิส่งไปสู่สำนักมรณะ, มรณะนั้นแลตัด (ชีวิตินทรีย์
ของสัตว์ทั้งหลาย) ไป เหมือนบุคคลตัดต้นไม้ด้วยขวานฉะนั้น.
ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมาก บรรลุอริยผลทั้งหลายมีโสดา-
ปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล.
เรื่องอุโบสถกรรม จบ.

6. เรื่องอชครเปรต [112]


ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเวฬุวัน ทรงปรารภอชครเปรต
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " อถ ปาปนิ กมฺมานิ " เป็นต้น.

พระมหาโมคคัลลานะเห็นเปรตถูกไฟไหม้


ความพิสดารว่า ในสมัยหนึ่ง พระมหาโมคคัลลานะเถระกับพระ-
ลักขณเถระลงจากเขาคิชฌกูฏ ได้เห็นสัตว์ชื่ออชครเปรต ประมาณ 25
โยชน์ ด้วยจักษุทิพย์. เปลวไฟตั้งขึ้นแต่ศีรษะของเปรตนั้น ลามถึงหาง,
ตั้งขึ้นแต่หาง ลามถึงศีรษะ. ตั้งขึ้นแต่ข้างทั้งสองไปรวมอยู่ที่กลางตัว.

เล่าการเห็นเปรตให้พระเถระฟัง


พระเถระครั้นเห็นเปรตนั้นแล้วจึงยิ้ม อันพระลักขณเถระถามเหตุ
แห่งการยิ้มแล้ว ก็ตอบว่า " ผู้มีอายุ กาลนี้ ไม่ใช่กาลพยากรณ์
ปัญหานี้, ท่านค่อยถามผมในสำนักพระศาสดาเถิด " เที่ยวบิณฑบาตใน
กรุงราชคฤห์. ในกาลไปยังสำนักพระศาสดา พระลักขณเถระถามแล้ว
จึงตอบว่า " ผู้มีอายุ ผมได้เห็นเปรตตนหนึ่งในที่นั้น. อัตภาพของมัน
ชื่อว่ามีรูปอย่างนี้; ผมครั้นเห็นมันแล้ว ได้ทำการยิ้มให้ปรากฏ ก็ด้วย
ความคิดว่า 'อัตภาพเห็นปานนี้ เราไม่เคยเห็นเลย. "

พระศาสดาก็เคยทรงเห็นเปรตนั้น


พระศาสดา เมื่อจะตรัสคำเป็นต้นว่า " ภิกษุทั้งหลาย สาวกของ
เรา เป็นผู้มีจักษุอยู่หนอ " ทรงรับรองถ้อยคำของพระเถระแล้ว จึง
ตรัสว่า " ภิกษุทั้งหลาย เปรตนั้น แม้เราก็ได้เห็นแล้วที่โพธิมัณฑสถาน