เมนู

จงพิจารณาดูนกกะเรียนนี้ (ว่า) มันตายแล้วหรือยัง ?" ลำดับนั้น นาย
ช่างแก้วจึงกล่าวกะท่านว่า "แม้ท่านก็จักตายเช่นนกนั่น."
พระเถระตอบว่า "อุบาสก แก้วมณีนั้น อันนกนี้กลืนกินแล้ว.
หากนกนี้จักไม่ตายไซร้, ข้าพเจ้าแม้จะตาย ก็จักไม่บอกแก้วมณีแก่ท่าน."

ช่างแก้วได้แก้วมณีคืนแล้วขอขมาพระติสสเถระ


เขาแหวะท้องนกนั้นพบแก้วมณีแล้ว งกงันอยู่ มีใจสลด หมอบลง
ใกล้เท้าของพระเถระ กล่าวว่า " ขอพระผู้เป็นเจ้าจงอดโทษแก่ผม, ผม
ไม่รู้อยู่ ทำไปแล้ว."
พระเถระ. อุบาสก โทษของท่านไม่มี. ของเราก็ไม่มี มีแต่โทษ
ของวัฏฏะเท่านั้น. เราอดโทษแก่ท่าน.
นายมณีการ. ท่านขอรับ หากท่านอดโทษแก่ผมไซร้. ท่านจงนั่ง
รับภิกษาในเรือนของผมตามทำนองเถิด.

พระเถระเห็นโทษของการเข้าชายคาเรือน


พระเถระกล่าวว่า " อุบาสก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจักไม่เข้า
ไปภายในชายคาเรือนของผู้อื่น เพราะว่านี้เป็นโทษแห่งการเข้าไปภายใน
เรือนโดยตรง. ตั้งแต่นี้ไป เมื่อเท้าทั้งสองยังเดินไปได้ เราจักยืนที่ประตู
เรือนเท่านั้น รับภิกษา " ดังนี้แล้ว สมาทานธุดงค์กล่าวคาถานี้ว่า
" ภัตในทุกสกุล ๆ ละนิดหน่อย อันเขาหุงไว้
เพื่อมุนี เราจักเที่ยวไปด้วยปลีแข้ง, กำลังแข้งของ
เรายังมีอยู่. "

ก็แล พระเถระ ครั้นกล่าวคาถานี้แล้ว ต่อกาลไม่นานักก็ปรินิพพาน
ด้วยพยาธินั้นนั่นเอง.